โรงงานแห่งความตาย Unit 731 อาชญากรรมสงครามของญี่ปุ่น
ย้อนไปในสมัย สงครามโลกครั้งที่ 2 อันเป็นที่มาของการก่อตั้ง หน่วยปฏิบัติการ 731 ด้วยเหตุว่า .. เมื่อเกิดสงคราม เป้าหมายคือชัยชนะ! ทั้งสองฝ่ายต่างงัดเล่ห์เพทุบายมาใช้โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมหรือความชอบธรรมใดๆ และสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งนัานก็คือ การใช้สารพิษและอาวุธชีวภาพ หรือพูดง่ายๆ ว่าอาวุธเชื้อโรคเพื่อทำลายพลเมืองทีละเป็นหมื่นเป็นแสนคน จนเป็นเรื่องฉาวโฉ่ที่สุดในอาชญากรรมสงครามของญี่ปุ่น!
วันนี้ทีนเอ็มไทยจะพาเพื่อนๆ ไปเจาะลึกเรื่องจริงเรื่องนี้กันคะ โรงงานแห่งความตาย Unit 731 อาชญากรรมสงครามของญี่ปุ่น (เนื้อหาและภาพมีความรุนแรง 18+ นะคะตัวเอง )
สนธิสัญญาเจนีวา
สนธิสัญญาเจนีวา มีข้อกำหนดห้ามทุกประเทศทั่ว โลกทำการทดลองหรือใช้อาวุธชีวภาพในการทำสงคราม เมื่อคนทั้งโลกเกรงกลัวต่ออาวุธชนิดนี้ย่อมแสดงว่ามันต้องเป็นอาวุธทำลาย ล้างที่ทรงอานุภาพมากที่สุด ด้วยแนวความคิดนี้เองทำให้กองทัพญี่ปุ่นลักลอบละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญา เจนีวา ทำการก่อสร้างห้องทดลองลับยิ่งกว่าลับขนาดใหญ่กินเนื้อที่ 6 ตร.กม. เพื่อศึกษาและวิจัยอาวุธชีวภาพที่มีอำนาจการทำลายล้างสูงกว่าระเบิดนิวเคลียร์หลายเท่าตัว!!
“ป้อมซงหม่า” |
“ป้อมซงหม่า” ค่ายกักกันเชลยของกองทัพญี่ปุ่น !เรื่องราวเริ่มขึ้นหลังจาก
ที่ญี่ปุ่นบุกเข้ายึดดินแดนแมนจูเรียใน
ปี 1932 กองทัพญี่ปุ่นได้สร้างค่ายกักกันเชลยซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ป้อมซงหม่า” เชลยในค่ายกักกันได้รับการเลี้ยงดูอย่างอิ่มหมีพีมันผิดกับเชลยในค่ายกักกันแห่งอื่น เนื่องจากพวกเขาจะถูกนำตัวไปเป็นหนูทดลองทางการแพทย์จึงจำเป็นต้องดูแลนัก โทษให้มีสุขภาพสมบูรณ์จึงจะสามารถวินิจฉัยสาเหตุการติดเชื้อและการเจ็บป่วย ได้อย่างถูกต้อง
ที่ญี่ปุ่นบุกเข้ายึดดินแดนแมนจูเรียใน
ปี 1932 กองทัพญี่ปุ่นได้สร้างค่ายกักกันเชลยซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ป้อมซงหม่า” เชลยในค่ายกักกันได้รับการเลี้ยงดูอย่างอิ่มหมีพีมันผิดกับเชลยในค่ายกักกันแห่งอื่น เนื่องจากพวกเขาจะถูกนำตัวไปเป็นหนูทดลองทางการแพทย์จึงจำเป็นต้องดูแลนัก โทษให้มีสุขภาพสมบูรณ์จึงจะสามารถวินิจฉัยสาเหตุการติดเชื้อและการเจ็บป่วย ได้อย่างถูกต้อง
ซึ่งได้ พลโทชิโร อิชิอิ ผู้บัญชาการกรมแพทย์ทหาร
ได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลเรื่องนี้โดยตรง แต่แล้วในเดือนสิงหาคม 1934 บรรดานักโทษได้รวมหัวกันแย่งอาวุธและกุญแจจากผู้คุม สามารถแหกค่ายกักกันออกมาได้หลายสิบคน ผู้ที่หนีรอดออกมาได้ป่าวประกาศให้ประชาชนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเชลย ทำให้ญี่ปุ่นตัดสินใจปิดป้อมซงหม่าลงในเวลาต่อมา แต่นั่นมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฝันร้ายสำหรับชาวแมนจูเรียเท่านั้น
ได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลเรื่องนี้โดยตรง แต่แล้วในเดือนสิงหาคม 1934 บรรดานักโทษได้รวมหัวกันแย่งอาวุธและกุญแจจากผู้คุม สามารถแหกค่ายกักกันออกมาได้หลายสิบคน ผู้ที่หนีรอดออกมาได้ป่าวประกาศให้ประชาชนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเชลย ทำให้ญี่ปุ่นตัดสินใจปิดป้อมซงหม่าลงในเวลาต่อมา แต่นั่นมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฝันร้ายสำหรับชาวแมนจูเรียเท่านั้น
พลโทอิชิอิ ได้รับอนุมัติเงินงบประมาณก้อนใหญ่สำหรับก่อสร้างนิคมลับแห่งใหม่ เขาเลือกที่ตั้งในประเทศจีน ห่างจากชุมชนในหมู่บ้านปิงฟาง ใกล้กับเมืองฮาร์บิน และเพื่อปกปิดปฏิบัติการลับสุดยอดนี้
ที่แห่งนี้จึงถูกตั้งขึ้นเป็นหน่วยงานพิเศษ ในชื่อ “สถานีศูนย์วิจัยโรคระบาดและการบำบัดน้ำเสีย”
พลโทชิโร อิชิอิ ผู้บัญชาการกรมแพทย์ทหารภายใต้ชื่อ “สถานีศูนย์วิจัยโรคระบาดและการบำบัดน้ำเสีย”
ในสมัยนั้นมีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตลงเพราะโรคระบาดหลายชนิด เช่น อหิวาตกโรคและซิฟิลิส การรักษาโรคระบาดนั้นจำเป็นต้องเข้าใจถึงการฟักตัวและแพร่กระจายของโรคร้าย การมีน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคและบริโภคก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตน้ำสะอาดให้กับกองทหารที่ต้องประจำการสถานที่ใน ต่างถิ่น
อิชิอิ ได้คิดค้นเครื่องผลิตน้ำสะอาดเคลื่อนที่ซึ่งสามารถพกพาติดตัวไปตามสถานที่ต่างๆได้ มันมีประสิทธิภาพถึงขนาดสามารถกรองปัสสาวะให้กลายเป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์ ว่ากันว่าความสำเร็จนี้ทำให้เขาได้เข้าเฝ้าและสาธิตการทำงานต่อหน้าพระ พักตร์
จักรพรรดิฮิโรฮิโต |
ภายใน สถานีศูนย์วิจัยโรคระบาดและการบำบัดน้ำเสีย ถูกแบ่งออกเป็นหน่วยงานย่อยๆ หลาย แห่ง และหนึ่งในนั้นคือ หน่วย 731 ที่มีแต่เพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้าออกหน่วยงานนี้ได้ แม้แต่ทหารญี่ปุ่นเองหากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่รู้ว่าหน่วยงานนี้รับผิดชอบเรื่องอะไร ดังนั้น หน่วย 731 จึงเป็นหน่วยงานลับที่ซ่อนตัวอยู่ในนิคมลับ
Advertisement
เริ่มขึ้นแล้ว “โรงเลื่อยนรก!”
กองทัพญี่ปุ่นแจ้งกับหน่วยงานท้องถิ่นว่าหน่วยงาน 731 คือ โรงเลื่อย บรรดาเชลยถูกกวาดต้อนมาคุมขังในหน่วย 731 ส่วนใหญ่เป็นชาวแมนจูเรีย รองลงมาคือชาวฟิลิปปินส์และเกาหลี ส่วนที่เหลือเป็นชาวรัสเซีย ด้วยเหตุที่คนภายนอกเชื่อว่าหน่วย 731 คือ โรงเลื่อย ทหารญี่ปุ่นจึงเรียกพวกเชลยแบบติดตลกว่า ท่อนซุง !
สิ่งที่ทำให้หน่วย 731 เป็นความลับสุดยอดก็เพราะมันเป็นศูนย์วิจัยอาวุธชีวภาพ เชลยที่ถูกกวาดต้อนมาทุกคนจะถูกนำไปเป็นหนูทดลองเพื่อศึกษาการระบาดของโรค ติดต่อร้ายแรง และระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆทั้งในและนอกร่างกายขณะที่ผู้ถูกทดลองยังคงมี “ลมหายใจ” และหากอิชิอิ ต้องการศึกษาการทำงานของหัวใจ เขาก็จะเอามีดกรีดลงบนหน้าอกเชลยแล้วแหวะดูดื้อๆ ที่สำคัญคือไม่มีการวางยาสลบผู้ถูกทดลอง พวกเขายังคงมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการ (นึกภาพไปตามๆ กันเลยสินะ )
การทดลองมนุษย์ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
(ก็ว่าได้) ..
อกิร่า มากิโนะ หนึ่งในผู้ช่วยแพทย์ เล่าถึงเหตุการณ์ในวันแรกที่เขาถูกส่งตัวไปทำงานในหน่วย 731 ว่า เชลยถูกนำตัวมามัดติดบนเตียงผ่าตัด พวกเขารู้ตัวว่าวาระสุดท้ายได้มาถึงแล้ว หากแต่สิ่งที่เชลยยังไม่รู้คือพวกเขาจะถูกผ่าแยกร่างทั้งเป็นโดยไม่มีการวาง ยาสลบ
ทันทีที่แพทย์หยิบมีดหมอ เชลยก็ส่งเสียงร้องตกใจ แพทย์กรีดมีดจากหน้าอกยาวลงไปถึงหน้าท้อง ผู้เคราะห์ร้ายดิ้นทุรนทุราย ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สาเหตุที่ไม่มีการใช้ยาสลบก็เนื่องจากอิชิอิเกรงว่าฤทธิ์ยาสลบอาจมีผลต่อการ ทำงานของอวัยวะ ทำให้ไม่สามารถเรียนรู้การทำงานของอวัยวะได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
*เลาะเอาฟันมนุษย์มาบดเป็นผง ทำเป็นยารักษาคนเป็นโรคกระดูกพรุนกระดูกหัก
*การผ่ามนุษย์โดยไม่ใช้ยาสลบ
*การตัดอวัยวะออกจากร่างแล้วต่อกลับเข้าไปใหม่แต่สลับข้าง
*การใส่สารพิษที่คิดค้นมาใหม่ลงไปในอาหารและน้ำดื่ม เพื่อฆ่าประชาชนทีละมากๆหลาย ๆคน
*การสอดท่อเข้าทวารหนักแล้วอัดอากาศเข้าไปจนอวัยวะภายในระเบิด
*การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะจากคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่ง
*การบังคับ ให้หญิงสาวร่วมเพศกับชายที่ป่วยเป็นโรคซิฟิลิส (หนองใน) นับสิบคน เพื่อศึกษาการพัฒนาเชื่อซิฟิลิสที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์
*การฉีดเลือดสัตว์ที่มีเชื่อเข้าร่างกายมนุษย์ที่ถูกจับมา เป็นเหยื่อ เพื่อดูผลการแพร่เชื้อในมนุษย์เป็น ๆ
*การจับ เหยื่อห้อยหัวลงจนกว่าจะตาย เพื่อทดสอบความทนในการเอาชีวิตรอด
*การจับเหยื่อเข้าไปในห้องทดลอง และอัดความดันหรือดูดอากาศออกจนร่างระเบิดเละ
*การทดสอบอานุภาพของระเบิดมือโดยใช้คนเป็นเป้า
*การจับ มนุษย์เปลือยร่างแช่ในน้ำอุณหภูมิเป็นลบ
*การตัดเอา ชิ้นส่วนมนุษย์ออก เช่น ตัดกระเพาะออก นำลำไส้ต่อตรงมาที่หลอดอาหารเพื่อดูว่ามนุษย์ไม่มีกระเพาะอาหารจะมีชีวิต อยู่ได้หรือไม่
*การตัดแขนขา และนำต่อใหม่ด้วยการสลับข้าง ฯลฯ
ซากของเหยื่อผู้ เคราะห์ร้ายจะถูกโยนเข้าไปในเตาเผาด้านหลังของหน่วยปฏิบัติการ
*การตัดอวัยวะออกจากร่างแล้วต่อกลับเข้าไปใหม่แต่สลับข้าง
*การใส่สารพิษที่คิดค้นมาใหม่ลงไปในอาหารและน้ำดื่ม เพื่อฆ่าประชาชนทีละมากๆหลาย ๆคน
*การสอดท่อเข้าทวารหนักแล้วอัดอากาศเข้าไปจนอวัยวะภายในระเบิด
*การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะจากคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่ง
*การบังคับ ให้หญิงสาวร่วมเพศกับชายที่ป่วยเป็นโรคซิฟิลิส (หนองใน) นับสิบคน เพื่อศึกษาการพัฒนาเชื่อซิฟิลิสที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์
*การฉีดเลือดสัตว์ที่มีเชื่อเข้าร่างกายมนุษย์ที่ถูกจับมา เป็นเหยื่อ เพื่อดูผลการแพร่เชื้อในมนุษย์เป็น ๆ
*การจับ เหยื่อห้อยหัวลงจนกว่าจะตาย เพื่อทดสอบความทนในการเอาชีวิตรอด
*การจับเหยื่อเข้าไปในห้องทดลอง และอัดความดันหรือดูดอากาศออกจนร่างระเบิดเละ
*การทดสอบอานุภาพของระเบิดมือโดยใช้คนเป็นเป้า
*การจับ มนุษย์เปลือยร่างแช่ในน้ำอุณหภูมิเป็นลบ
*การตัดเอา ชิ้นส่วนมนุษย์ออก เช่น ตัดกระเพาะออก นำลำไส้ต่อตรงมาที่หลอดอาหารเพื่อดูว่ามนุษย์ไม่มีกระเพาะอาหารจะมีชีวิต อยู่ได้หรือไม่
*การตัดแขนขา และนำต่อใหม่ด้วยการสลับข้าง ฯลฯ
ซากของเหยื่อผู้ เคราะห์ร้ายจะถูกโยนเข้าไปในเตาเผาด้านหลังของหน่วยปฏิบัติการ
กรรมตามสนอง! อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่เบื้องหลังใช้ทรมานคน
อย่างที่บอกข้างต้นว่าภายใน หน่วย 731 ยังมีหน่วยงานย่อยอื่นๆ อีกเช่น หน่วยศึกษาและวิจัยการเพาะเชื้อโรค นักโทษหญิงถูกฉีดเชื้อซิฟิลิสเข้าร่างแล้วบังคับให้หลับนอนกับนักโทษชาย หากนักโทษคนใดขัดขืนคำสั่งจะถูกยิง อิชิอิเฝ้าดูอาการของผู้ได้รับเชื้อโรค ทำการจดบันทึกการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในระยะต่างๆจนกระทั่งพวกเขาเสียชีวิต
นักโทษบางคนถูกจับให้ยืนแหงนหน้าอ้าปากในที่โล่งแจ้งโดยไม่รู้ตัวว่าอิชิอิ ได้โปรยเชื้อโรคเข้าใส่เพื่อทำการทดลองว่าเชื้อโรคชนิดนั้นสามารถแพร่ กระจายโดยทางอากาศได้หรือไม่ เมื่อผลการทดลองเป็นบวก อิชิอิได้ทำการทดลองขั้นต่อไปโดยการสร้างระเบิดชีวภาพ เขาปล่อยเชื้อโรคลงในแหล่งน้ำของหมู่บ้านหลายแห่ง ส่งผลให้เกิดโรคระบาดมีผู้คนเสียชีวิตราว 400,000 คน
ต่อมา การทดลองระเบิดชีวภาพได้ถูกระงับชั่วคราว หลังจากที่ประสบความล้มเหลว ในการทดลองครั้งที่ 5 เมื่ออิชิอิ ยิงระเบิดชีวภาพเข้าใส่หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง กระแสลมได้เปลี่ยนทิศกะทันหันโดยไม่ทันตั้งตัว ลมหอบเอาเชื้อโรคโหมเข้าใส่กองทหารญี่ปุ่นทำให้ทหาร 1,700 นายเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ผลการทดลองพิสูจน์แล้วว่าระเบิดชีวภาพมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูงอย่าง เหลือเชื่อ กองทัพญี่ปุ่นวางแผนที่จะใช้อาวุธชีวภาพบรรจุใส่บอลลูน 200 ลูก ปล่อยมันขึ้นจากเรือดำน้ำใกล้กับชายฝั่งด้านตะวันตกของสหรัฐ กระแสลมจะทำหน้าที่พัดบอลลูนเข้าสู่แผ่นดิน หากแผนการนี้สำเร็จจะมีคนเสียชีวิตเพราะโรคระบาดจำนวนหลายล้านคน
เลวเกินกว่าจะถูกทำลาย
นับว่ายังโชคดีที่ญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่จะมีการนำอาวุธชีวภาพมาใช้ อิชิอิสั่งให้สังหารเชลย 150 คนที่เหลืออยู่ในหน่วย 731 เพื่อปิดปากไม่ให้มีพยาน และสั่งเจ้าหน้าที่ทุกคนห้ามเอ่ยถึงเรื่องราวที่ เกิดขึ้นในหน่วย หาไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะส่งคนไปตามล่าสังหารผู้ที่ปากโป้ง เขาไม่ลืมที่จะสั่งให้ทหารทำลายหลักฐานและอาคารสำคัญๆทิ้ง จากนั้น อิชิอิก็เดินทางกลับไปซ่อนตัวในประเทศญี่ปุ่น
ด้วยเหตุนี้เอง พลเอกดักลาส แมคอาร์เธอร์ จึงได้มอบหมายให้ พลโทเมอร์เรย์ แซนเดอร์ ไปทำการเจรจากับอิชิอิ ยื่นข้อเสนอให้ส่งมอบข้อมูลงานวิจัยทั้งหมดเพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ดำเนินคดี
ในข้อหาอาชญากรสงคราม ซึ่งแน่นอนว่า อิชิอิ ยอมรับข้อเสนอแต่โดยดี และเชื่อกันว่าอิชิอิยังได้ทำงานวิจัยด้านอาวุธชีวภาพร่วมกับสหรัฐ ในรัฐแมริแลนด์ และนำอาวุธชีวภาพนี้ไปใช้ในสงครามเกาหลี (หากแต่บุตรสาวของอิชิอิปฏิเสธข้อ้างดังกล่าว โดยระบุว่าบิดาของเธอใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นตลอดเวลา)
ในข้อหาอาชญากรสงคราม ซึ่งแน่นอนว่า อิชิอิ ยอมรับข้อเสนอแต่โดยดี และเชื่อกันว่าอิชิอิยังได้ทำงานวิจัยด้านอาวุธชีวภาพร่วมกับสหรัฐ ในรัฐแมริแลนด์ และนำอาวุธชีวภาพนี้ไปใช้ในสงครามเกาหลี (หากแต่บุตรสาวของอิชิอิปฏิเสธข้อ้างดังกล่าว โดยระบุว่าบิดาของเธอใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นตลอดเวลา)
ตลอดระยะเวลา 60 ปี สหรัฐให้ความร่วมมือปกปิดการมีตัวตนของหน่วย 731 ไม่มีเจ้าหน้าที่แม้แต่คนเดียวถูกดำเนินคดีแม้จะมีเชลยอย่างน้อย 12,000 คนเสียชีวิตในที่แห่งนี้ เพราะพวกเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะสงคราม ปัจจุบันหน่วย 731 ถูกขนานนามว่าเป็น “โรงงานแห่งความตาย”
ถึงอย่างงั้น! สหรัฐก็ยังคงสามารถสืบทราบปฏิบัติการลับยิ่งกว่าลับของฝ่ายญี่ปุ่น จากข้อมูลที่ระบุว่า อิชิอิ ประสบความสำเร็จในการทดลองหลายอย่าง เช่น การรักษาโรคหิมะกัด ความรู้ด้านการติดเชื้อและการแพร่กระจายของโรคระบาด ตลอดไปจนถึงการสร้างระเบิดชีวภาพ ทำให้สหรัฐมีความสนใจต้องการนำความรู้เหล่านี้มาใช้เป็นประโยชน์ทางการทหาร อีกทั้งยังระแวงว่าหากความรู้เหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของประเทศอื่นโดยเฉพาะรัสเซียจะเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงเหมือนกับเหตุการณ์ ที่เกิดเมื่อครั้งที่เยอรมันยอมแพ้สงครามแล้วส่งมอบเทคโนโลยีการสร้างขีปนาวุธ V2 ให้กับรัสเซีย