บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2560

10 เหตุการณ์สุดสลด ที่คนอดอยากจนต้องหันมากินเนื้อคนด้วยกันเอง!


10 เหตุการณ์สุดสลด ที่คนอดอยากจนต้องหันมากินเนื้อคนด้วยกันเอง!

สมัยช่วงยุคกลาง ภาวะวิกฤติอดอยากแพร่กระจายไปทั่วโลก และจำนวนประชากรมนุษย์ก็ลดลงอย่างมากทั้งจากโรคติดต่อ สภาพอากาศที่เลวร้าย และความหิวโหยอันไร้ที่สิ้นสุด ในศตวรรษที่ 20 มีการประมาณการณ์ว่ามีคนราว 70 ล้านคนจากทั่วโลกที่ตายจากความหิวโหย
และเมื่อหิว มนุษย์เราก็สามารถกินอะไรก็ได้ที่เป็นอาหารได้ รวมถึงเนื้อมนุษย์ ความหิวอย่างสุดขีดสามารถผลักดันให้มนุษย์เกิดความบ้าคลั่งได้ และประวัติศาสตร์ก็ได้บันทึกเหตุการณ์มนุษย์กินคนในช่วงภาวะวิกฤตอดอยากเหล่านี้เอาไว้มากมาย

ในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาตินั้น มีเหตุการโหดร้ายน่ากลัวอยู่มากมาย มีหลายเหตุการณ์ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า มนุษย์ คืือสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นเครื่องทรมานอันแสนน่ากลัวเพื่อทำร้ายมนุษย์ด้วยกัน หรือการลงทัณฑ์ประหารชีวิตเหล่าผู้กระทำผิดด้วยวิธีการสุดโหด แม้แต่จะฆ่าตัวตาย มนุษย์ ก็ยังสรรหาวิธีฆ่าตัวตายที่น่าสยดสยองมามอบให้กับตนได้อย่างหลากหลายไม่น้อยไปกว่ากันเลย....พาไปดู
ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆของ

10 เหตุการณ์สุดสลด ที่คนอดอยากจนต้องหันมากินเนื้อคนด้วยกันเอง! อับดับ 10 ได้แกๆๆๆๆๆๆ
10.มนุษย์กินคน  Jiabiangou Labor Camp
Jiabiangou คือ อดีตค่ายผู้ใช้แรงงานในตั้งอยู่ในเขตทะเลทรายของมณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน มีการใช้งานจริงในปี 1957-1961 และเป็นที่กักขังนักโทษทางการเมืองเอาไว้กว่า 3,000 ชีวิต

คุกแห่งนี้แต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อรองรับนักโทษ 40-50 คนเท่านั้น ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1960 ก็ได้เกิดวิกฤติอดอยากครั้งใหญ่ ที่ทำให้คนในค่ายต้องกินใบไม้ เปลือกต้นไม้ หนอน แมลง หนู มูลสัตว์ และในที่สุดก็หันมากินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง
เมื่อถึงปี 1961 นักโทษ 2,500 คน จาก 3,000 ได้ล้มตายลง อีก 500 คนที่เหลือต้องเอาชีวิตรอดด้วยการกินเนื้อเพื่อนนักโทษที่เสียชีวิตแล้ว ซึ่งซากศพเหล่านี้ก็ผอมโซจนแทบจะไม่มีเนื้อให้กินเช่นกัน

9.  มนุษย์กินคน Starving Time in Jamestown
Jamestown คือที่ตั้งรกรากแห่งแรกของชาวอังกฤษบนแผ่นดินอเมริกา สร้างขึ้นโดยบริษัท Virginia Company of London และทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของอาณานิคมแห่งนี้จนถึงปี 1699 โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ Tsenacommacah ซึ่งมีชาวอเมริกันพื้นเมืองอาศัยอยู่ราว 14,000 คน
ชาวอาณานิคมจำเป็นต้องค้าขายอาหารกับชาวพื้นเมือง แต่ก็เกิดความขัดแย้งกันขึ้นทำให้การค้านี้ต้องจบลงตามไปด้วย และในปี 1609 เรือบรรทุกเสบียงจากอังกฤษลำที่ 3 ล่มลงกลางทะเล ซึ่งเรือลำนี้เป็นลำที่ขนส่งเสบียงอาหารส่วนใหญ่ของเมือง Jamestown การที่เรือล่มทำให้ชาวเมืองไม่มีเสบียงอาหารสำหรับฤดูหนาวเลย
เมื่อฤดูหนาวในปี 1609 มาถึง ชาวเมือง Jamestown ต้องประสบกับภาวะอดอยากอย่างรุนแรง และกลายมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า Starving Time ชาวเมืองจำนวนมากเสียชีวิต เมื่อปี 1610 มาถึง มีผู้รอดชีวิตเพียง 60 คน จาก 500 คนเท่านั้น

ซึ่งในระหว่างช่วงวิกฤตความอดอยากนี้เอง ที่ชาวเมืองบางคนได้หันมากินเนื้อคน มีการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ที่ถูกสับด้วยมีดสับเนื้อ และกะโหลกศรีษะของสตรีผู้หนึ่งที่ถูกเจาะจากด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการนำสมองของเธอออกมา

8.  มนุษย์กินคน Great Famine of 1315–17
ภาวะอดอยากสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในทวีปยุโยคในช่วงยุคกลาง ซึ่งมักจะมีสาเหตุมาจากการเพาะปลูกที่ไม่ได้ผล จำนวนประชากรที่มากเกินไป และโรคติดต่ออย่างกาฬโรค ในช่วงนี้เอง สหราชอาณาจักรมีเหตุการกินเนื้อคนปรากฎขึ้นทั้งหมด 95 ครั้ง ทำให้ชาวอังกฤษในช่วงนั้นมีอายุขัยเพียง 17.33 ปีเท่านั้น ในปี 1315 ราคาอาหารสูงขึ้นจนน่าตกใจ ในบ้างพื้นที่อาหารมีราคาสูงขึ้นถึง 320% และทำให้ประชาชนนับพันต้องจบชีวิตลง ภาวะอดอยากนี้ได้คร่าชีวิตนับล้านไปในช่วงเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น
ในช่วงภาวะวิกฤติความอดอยากนี้ กฎเกณฑ์ทางสังคมพังทลายลง เด็กๆ จำนวนมากถูกทอดทิ้ง เทพนิยายชื่อดังอย่าง ฮันเซลและเกรเทล ก็ถือกำเนิดขึ้นในช่วงนี้เอง ด้วยความหิวโหย พ่อแม่บางคนฆ่าลูกของตัวเองเป็นอาหาร
และแม้ว่าจะไม่มีบันทึกอย่างเป็นทางการ แต่นักโทษจำนวนไม่น้อยก็จำเป็นต้องกินเนื้อของเพื่อนร่วมคุกที่เสียชีวิตแล้ว และยังมีการจับกุมคนที่พยายามขโมยศพจากสุสานอีกด้วย

7.  มนุษย์กินคน  Siege of Leningrad
เดือนมิถุนายนปี 1941 กองทัพนาซีของเยอรมันบุกโจมตีสหภาพโซเวียต และเริ่มต้นปฏิบัติการบาร์บารอสซ่า ซึ่งเป็นการโจมตีทางการทหารที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ในการโจมตีเมือง Leningrad (Saint Petersburg) ทหารเยอรมันได้ปิดล้อมเมืองเป็นเวลานาน 872 วันโดยใช้มาตรการอดอาหาร และตัดขาดเสบียงทั้งหมดที่มีการขนส่งไปยังเมือง ชาวโซเวียตถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีเชื้อเพลิง อาหาร หรือน้ำการปิดล้อมครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการทำลายชีวิตในเขตเมืองครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประวัติศาสตร์ยุคใหม่ มีประชากรราว 1.5 ล้านคนตายจากการปิดล้อมครั้งนี้ และชาวเมือง Leningrad จำนวนทั้งหมด 3-3.5 ล้านคนก็เหลือรอดชีวิตเพียง 700,000 คนเท่านั้น
เมื่อการปิดล้อมเริ่มขึ้นได้ไม่นาน ร้านอาหารทั้งหมดในเมืองก็ปิดร้าน การแบ่งปันอาหารคือทางรอดเพียงทางเดียวของชาวเมือง เงินกลายเป็นสิ่งไร้ค่า และมีอาชญากรที่รวมกลุ่มกันเพื่อขโมยอาหารเพิ่มมากขึ้น

ผู้คนต่างพยายามลองกินสิ่งของต่างๆ ซึ่งรวมถึงแป้งเปียก หนังสัตว์ ขนสัตว์ ลิปสติก และยารักษาโรค แต่เนื่องจากไม่มีการจัดการที่ดี ทำให้กฎของเมืองถูกทำลายลง และมีรายการถึงการกินเนื้อมนุษย์เผยแพร่ออกมา ตำรวจจำเป็นต้องจัดตั้งกองกำลังพิเศษเพื่อต่อสู้กับเหล่านักล่า
นอกจากความหวาดกลัวเรื่องการถูกทิ้งระเบิดแล้ว ครอบครัวต่างๆ ยังต้องทนรับกับความเสี่ยงว่าอาจจะถูกสะกดรอยและฆ่าเพื่อกินเนื้ออีกด้วย

6.  มนุษย์กินคน The Great Hunger (Ireland)
The Great Hunger คือช่วงเวลาแห่งความอดอยากที่กินพื้นที่กว้างในไอร์แลนด์ในปี 1845 และปี 1852 ปัญหาความอดอยากในไอร์แลนด์ก็เหมือนกับภาวะอดอยากส่วนใหญ่ นั่นคือ นอกเหนือจากภาวะขาดแคลนอาหารแล้ว การตัดสินใจแย่ๆ จากรัฐบาลก็ทำให้มันยิ่งเลวร้ายลงไปอีก
แม้ว่าจะมีคนอดตายแล้วถึงกว่าล้านคน และมีผู้อพยพชาวไอร์แลนด์ในช่วงนี้อีกล้านคน รัฐบาลอังกฤษก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดๆ ภาวะอดอยากในครั้งนี้ได้เปลี่ยนสภาพภูมิศาสตร์ประชากรและอาณาเขตทางการเมืองของไอร์แลนด์ไปอย่างถาวร และยังเป็นเหตุที่นำไปสู่การประกาศอิสระภาพของชาวไอริชอีกด้วย
ในปี 2012 อาจารย์ Cormac O’Grada จาก University College Dublin ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า มีการกินเนื้อคนเกิดขึ้นในช่วง The Great Hunger โดย O’Grada ระบุถึงรายงานการกินเนื้อคนจำนวนหนึ่ง
ซึ่งรวมถึงเรื่องราวของ John Connolly ที่กินเนื้อจากร่างไร้วิญญาณของลูกชายตัวเอง !!
รายงานอีกฉบับหนึ่งมาจากปี 1849 ระบุว่า ชายผู้หิวโหยคนหนึ่งได้ “เฉือนเอาตับและหัวใจออกจากร่างของมนุษย์ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่ม” ที่พบบนชายฝั่ง บางตัวอย่างมีการอ้างถึง ความหิวโหยอย่างรุนแรง อันเป็นสาเหตุที่ทำให้มีคนกินสมาชิกในครอบครัว

5.   มนุษย์กินคน Battle of Suiyang
ในปี 757 แม่ทัพเตียวหุนได้นำทหาร 7,000 นายเพื่อปกป้องเมือง Suiyang จากจากโจมตีของทหารฝ่ายตรงข้ามกว่า 150,000 นาย การปิดล้อมเมืองและการสู้รบยืดเยื้อนานหลายเดือน
จนกระทั่งเสบียงอาหารรวมถึงสัตว์ แมลง และพืชผักต่างๆ ในเมืองถูกกินจนหมดแล้ว เตียวหุนได้พยายามขอเสบียงอาหารจากค่ายอยู่ใกล้เคียงอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งชาวเมืองเริ่มล้มตายลง และขอให้เขายอมแพ้ แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะยอมถอยให้ศัตรู
ในบันทึกราชวงศ์ถังระบุเอาไว้ว่า หลังจากที่อาหารในเมือง Suiyang หมดลง 
“ชาวเมืองก็เริ่มแลกเปลี่ยนลูกเพื่อนำไปกิน และนำศพมาปรุงอาหาร”เตียวหุนเองก็ตระหนักถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย เขาได้ฆ่าเสนาธิการของตัวเองและมอบร่างของนางให้เป็นอาหาร ในตอนแรกเหล่าทหารปฏิเสธที่จะกินเนื้อคน
แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็กิน และเริ่มกินผู้หญิงทุกคนในเมือง หลังจากที่พวกผู้หญิงถูกกินจนหมด ทหารก็เริ่มล่าคนแก่และเด็กหนุ่ม
มีการสรุปเอาไว้ในบันทึกว่า มีมนุษย์ถูกกินเป็นจำนวนราว 20,000-30,000 คน ในเมืองเต็มไปด้วยเหล่ามนุษย์กินคน และในตอนที่เมืองถูกตีแตกนั้น ก็มีผู้เหลือรอดชีวิตอยู่เพียง 400 คนเท่านั้น เตียวหุนได้รับการเกลี้ยกล่อมให้ไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม แต่ปฏิเสธจึงถูกฆ่าทิ้ง เพียง 3 วันหลังจากที่เมือง Suiyang แพ้สงคราม ทัพหลักก็ได้เดินทางมาถึงและชิงพื้นที่คืนกลับมาได้

4. มนุษย์กินคน เกาหลี Arduous March in North Korea
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 สหภาพโซเวียตได้กดดันให้เกาหลีเหนือจ่ายค่าชดใช้การจากทำสงคราม เมื่อ USSR ล่มสลายลง การค้าระหว่าง 2 ประเทศก็หยุดชะงัก และเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือก็พังทลาย ผลก็คือ ..
เกาหลีเหนือไม่สามารถผลิตอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในประเทศ และต้องพบกับภาวะความอดอยากครั้งใหญ่ในช่วงระหว่างปี 1994-1998 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 250,000 – 3.5 ล้านคน ซึ่งอาหารจะขาดแคลนเป็นพิเศษสำหรับผู้หญิงและเด็กเล็ก
ในช่วงภาวะวิกฤตนี้ เนื้อคือสิ่งที่หาได้ยาก และมีคนที่หันมากินเนื้อนคนเป็นจำนวนมาก ผู้คนเริ่มไม้ไว้ใจคนขายอาหาร และเด็กๆ ก็ได้รับคำเตือนไม่ได้ออกออกบ้านในตอนกลางคืน ผู้คนต่างเป็นบ้าด้วยความหิวโหย และทำแม้กระทั่งฆ่าและกินลูกน้อยของตัวเอง มีการขุดสุสานและกินซากศพด้วย พ่อแม่หลายคนหวาดวิตกว่าลูกของตนอาจจะถูกลักพาตัวไปฆ่า และขายเป็นอาหาร
ในปี 2013 มีบทความหลายบทความเริ่มกลาวถึงการกินเนื้อคนในเกาหลีเหนืออีกครั้ง อันเนื่องมาจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ความขาดแคลนอาหารทำให้คนหันมากินเนื้อคนอีกครั้ง
มีรายงานการพบชายคนหนึ่งกำลังขุดหลุมศพหลานของตนขึ้นมาเป็นอาหาร และอีกรายงานหนึ่งที่ระบุว่าพบชายกลุ่มหนึ่งกำลังต้มเด็กกิน แต่เนื่องจากการปิดประเทศของเกาหลีเหนือ จึงไม่มีทั้งการยืนยันและปฏิเสธถึงเหตุการณ์การกินเนื้อคนแต่อย่างใด

3. มนุษย์กินคน Holodomor
ในช่วงต้นทศวรรษ 1930 สหภาพโซเวียตมีความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะสามารถสร้างผลกำไรจากการเปลี่ยนรูปแบบการทำการเกษตรมาเป็นแบบส่วนกลางได้ นโยบายนี้คือความพยายามในการเพิ่มปริมาณเสบียงอาหาร
แต่แทนที่จะเป็นการช่วยเหลือ ผลกลับออกมาว่านโยบายนี้ส่งผลให้เกิดวิกฤตความอดอยากที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ การรวบดินแดนเข้าเป็นของส่วนกลางหมายความว่า ชาวนาจะต้องขายผลผลิตส่วนใหญ่ในราคาถูก และคนงานก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้กินผลผลิตของพวกเขาเองด้วย
สหภาพโซเวียตเข้าสู่ภาวะอดอยากในปี 1932 ผู้คนหลายล้านต้องล้มตายลงเนื่องจากการผลิตข้าวสาลีได้ผลไม่เพียงพอ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดคือพื้นที่หนึ่งในยูเครนที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า Holodomor หรือ “ความตายจากความหิวโหยครั้งยิ่งใหญ่”
มีคนตายราว 3-5 ล้านคน ในขณะที่ Kyiv Appellation Court อ้างว่าภาวะอดอยากครั้งนี้ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตกว่า 10 ล้านชีวิต มีเหยื่อ 3.9 ล้านราย และแท้งเด็กอีก 6.1 ล้านครั้ง 
ในช่วงของ Holodomor นี้ การกินเนื้อคนแพร่กระจายในยูเครนอย่างรุนแรง มีการจับกลุ่มเพื่อฆ่าคนในครอบครัว หรือแม้แต่กินร่างของเด็กที่ตายไปแล้ว
เพื่อป้องกันการกินเนื้อคนในครั้งนี้ ทางการโซเวียตได้มีการติดโปสเตอร์รณรงค์ว่า
“การกินลูกของตนเอง คือการกระทำที่ป่าเถื่อน”
ในตัวอย่างหนึ่ง ชายที่ชื่อว่า Myron Yemets และภรรยาของเขาถูกจับกุมขณะทำอาหารจากเนื้อของลูกของพวกเขา และถูกตัดสินโทษจำคุก 10 ปี มีคนราว 2,500 คนถูกจับในข้อหากินเนื้อคนในระหว่างช่วง Holodomor โดยส่วนใหญ่มีอาการป่วยทางจิตอันเนื่องมาจากความอดอยาก

2.  มนุษย์กินคน Povolzhye Famine
ในปี 1917 ช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามกลางเมืองของรัสเซียระหว่าง Bolshevik Red Army และ White Army ได้เริ่มต้นขึ้น ก่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง ความรุนแรง และความโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจในรัสเซีย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคระบาดและการขาดแคลนอาหารในหลายพื้นที่

เมื่อถึงปี 1921 ผู้คนใน Bolshevik Russia ก็เริ่มมีอาหารจำกัดและพบกับภัยแล้ง ซึ่งก่อให้เกิดภาวะอดอยากครั้งใหญ่ที่คร่าชีวิตคนกว่า 25 ล้านชีวิตในเขพที่ราบลุ่มแม่น้ำ Ural และ Volga จนกระทั่งสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ได้ส่งคนเข้ามาช่วยเหลือในพื้นที่ และส่งอาหารให้กับชาวโซเวียตเกือบ 11 ล้านคนต่อวัน

ในช่วงภาวะวิกฤตอดอยาก ชาวโซเวียตจำนวนมากทิ้งบ้านของตัวเองเพื่อออกไปหาอาหาร ผู้คนเริ่มกินหญ้า ดิน แมลง แมว หมา โคลน สายเทียมม้า ซากศพ หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยกันเอง
คนจำนวนมากกินคนในครอบครัวและเริ่มออกล่ามนุษย์เป็นอาหาร มีการแจ้งตำรวจเรื่องการกินเนื้อคน แต่ไม่มีการลงโทษใดๆ เนื่องจากถือว่าเป็นวิธีหนึ่งในการเอาชีวิตรอด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องเฝ้าระวังตามสุสานต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝูงชนที่หิวโหยรุกเข้าไปทำลาย เริ่มมีการขายอวัยวะมนุษย์ในตลาดมืด
เหตุการณ์นี้ต่างจากภาวะวิกฤตอดอยากอื่นๆ ตรงที่มีหลักฐานการกินเนื้อมนุษย์อย่างชัดเจน และมีหลักฐานว่ามีคนฆ่าเด็กเร่ร่อนเพื่อนำเนื้อไปกินอีกด้วย

1. มนุษย์กินคน Great Chinese Famine
ประเทศจีนต้องประสบกับภาวะความอดอยากครั้งใหญ่ในช่วงระหว่าง 1958-1961 การขาดแคลนอาหารมีสาเหตุมาจากสภาวะอากาศแล้ง และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
บันทึกอย่างเป็นทางการระบุว่ามีผู้เสียชีวิตราว 15 ล้านคน แต่นักประวัติศาสตร์ Frank Dikötter เชื่อว่ามีคนตายอย่างน้อย 45 ล้านคน และก็เหมือนกับภาวะอดอยากอื่นๆ ภาวะขาดสารอาหารสามารถพบได้ทั่วไป และอัตราการเกิดก็ต่ำมาก
เมื่อความหิวโหยรุนแรงขึ้น เหมาเจ๋อตุง ผู้นำของจีนในขณะนั้นได้ออกกฎห้ามแพทย์ระบุสาเหตุการตายว่า “เนื่องมาจากภาวะอดอยาก” คนจำนวนมากเป็นบ้าจากความหิวและความรุนแรงก็ระเบิดขึ้นในช่วงภาวะอดอยากนี้

มีรายงานถึงการกินเนื้อคนมากมายในช่วงภาวะอดอยาก ผู้คนต่างสูญเสียความเข้มแข็งทางศีลธรรม และกลุ้มรุมกินเนื้อมนุษย์ บางคนกินลูกของตนเอง

ในขณะที่บางคนก็แลกเปลี่ยนลูกกันเพื่อไม่ให้
รู้สึกผิดจากการกินลูกของตนเอง อัตราส่วนของอาหารในจีนมีเนื้อมนุษย์ปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก และบางพื้นที่ของประเทศก็เต็มไปด้วยมนุษย์กินคน
จะด้วยความจำเป็นบังคับหรืออะไรก็ตาม ความโหดร้ายของมนุษย์นั้นยังคงทิ้งร่องรอยในหน้าประวัติศาสตร์เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นเหล่าฆาตกรสาวที่ทำให้โลกต้องสะพรึง อย่างฆาตกรต่อเนื่องหญิง Belle Gunness หรือแม้แต่ฆาตกรตัวเล็ก อย่างเหล่าฆาตกรเด็กที่ทำให้โลกทั้งโลกต้องตกตะลึงกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้งเหล่านี้
สาระแน โดย อาจารย์เหยินสติเฟื่อง
ที่มา : Toptenz

รายการบล็อกของฉัน

 hellomanman  happy-topay  invite-buying
 men-women-apparel diarylovemanman news-the-world
 homemanman alovemanman
 menmen-love
 ghost-in-manman  U.F.O.manman fishmanman
foodmanman  flowermanman herbs-in-manman
devilmanman herbs-in-manman manman clip