ในเดือนพฤศจิกายน 2010 เจ้าหน้าที่ตำรวจจากเมาท์เวอร์นอน รัฐโอไฮโอ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีบ้านหลังหนึ่งส่งกลิ่นรบกวนชาวบ้านในย่านนั้นจึงอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและตักเตือนเจ้าของบ้านให้ทำความสะอาดให้กลิ่นที่โชยออกมานั้นหายไปสักที เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายจึงรุดไปยังบ้านดังกล่าวเพื่อตักเตือนเจ้าของบ้าน
สิ่งที่ตำรวจเห็นนั้นทำให้ทั้งคู่ถึงกับมึนงงเพราะเมื่อเจ้าของบ้านซึ่งเป็นชายวัย 30 ออกมาเปิดประตูนั่นก็คือพื้นบ้านทั้งหลังนั้นถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้แห้งหนาเกือบหนึ่งฟุตทุกตารางนิ้ว และบางมุมนั้นใบไม้สูงเกือบถึงเอวของตำรวจด้วยซ้ำ บางส่วนนั้นย่อยสลายกลายเป็นดินและส่งกลิ่นเหม็นออกมา ขณะที่ตำรวจกำลังสอบถามเจ้าของบ้านอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเด็กผู้หญิงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่าทันทีที่ได้ยินนั้น เจ้าของบ้านก็ถูกตำรวจรวบตัวไว้ก่อนจากนั้นก็ประสานขอกำลังเสริมเพื่อมายังที่เกิดเหตุ
ต้นเสียงขอความช่วยเหลือนั้นดังมาจากชั้นใต้ดิน เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบก็พบร่างของเด็กหญิงวัย 13 ปี ถูกมัดมือและเท้านอนอยู่บนผ้าที่ปูทับบนกองใบไม้แห้ง เจ้าของบ้านจึงถูกแจ้งข้อหาลักพาตัวและกักขังหน่วงเหนี่ยว ภายหลังการสอบสวนตำรวจก็พบกับความจริงที่น่าสะพรึงกลัวก็คือ
เธอถูกลักพาตัวมาหลังจากที่แม่ของเธอถูกฆ่าโดยชายเจ้าของบ้าน ซึ่งตำรวจก็ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาซึ่งให้การรับสารภาพว่าได้ทำการฆาตกรรมแม่ของเด็กหญิงและเพื่อนบ้านอีกคน โดยใช้มีดแทงและทำลายศพด้วยการนำไปทิ้งไว้ในโพรงของต้นไม้ในป่าที่ไม่ไกลจากบ้าน สาเหตุที่ทำไปนั้นก็เพราะว่าถูกพบในขณะที่กำลังลอบปีนเข้าไปในบ้านเพื่อลักพาตัวเด็กหญิง ส่วนเพื่อนบ้านนั้นก็ถูกฆาตกรรมด้วยเหตุผลเดียวกัน
เมื่อตำรวจไปตรวจสอบต้นไม้ต้นดังกล่าวก็พบว่าถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ถึง 14 ชิ้น ใส่ไว้ในถุงพลาสติก คดีนี้กลายเป็นคดีฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่เคยเกิดในชุมชน และเมื่อตำรวจหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่าชายเจ้าของบ้านนามว่า Matthew J. Hoffman นั้นอาจจะเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีข่มขืนวัยรุ่น 7 ราย ที่ออกอาละวาดก่อนหน้านี้ ซึ่งผลตรวจดีเอ็นเอก็พบว่าตรงกับที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ
Matthew นั้นกล่าวว่าเขาชอบที่จะนอนซุกบนใบไม้แห้ง เพราะเหมือนได้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและที่ทำลงไปกับหญิงสาวนั้นเป็นเพราะว่าอยากจะมีเพื่อนต่างเพศบ้าง แต่ไม่รู้วิธีที่จะเข้าหาผู้หญิงเลยใช้วิธีการบังคับขืนใจแทนการเข้าหาแบบปกติ ส่วนการฆาตกรรมนั้นทำไปเพราะต้องทำเพียงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ Matthew จึงถูกตั้งฉายาว่า “นักฆ่าต้นไม้” โดยอิงกับพฤติกรรมการเสพติดใบไม้และการทิ้งศพในโพรงของต้นไม้
Matthew J. Hoffman ถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตโดยตัดสิทธิ์การรับทัณฑ์บนเพราะเป็นคดีที่ร้ายแรงและ Matthew ไม่สมควรที่จะออกไปเพ่นพ่านข้างนอก ซึ่งการติดคุกตลอดชีวิตของ Matthew นั้นเขากล่าวสั้นๆ ถึงโทษที่ได้รับว่า “รู้สึกเฉยๆ เพราะอยู่ภายนอกก็ไม่ต่างกัน เสียแต่ว่าในคุกนั้นไม่สามารถเอาใบ้ไม้แห้งมาปูนอนได้”
เรียบเรียง : ark.TV