The Living Severed Head
เป็นความเชื่อของคนหลายคนทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะแค่อเมริกาเท่านั้น โดยเชื่อว่าเมื่อคนโดนตัดหัวหลุดจากบ่า แต่แล้วหัวนั้นมันมีชีวิตอยู่ระยะหนึ่ง มันยังคงพะงาบๆ และมันเหลือบมองหน้าคนตัดอย่างอาฆาต!! และมันก็เกิดขึ้นจริงซะงั้น!! เมื่อหัวเราหลุดจากบ่า เรายังมีชีวิตอยู่ต่อได้ไหม เราสามารถกระพริบตาพะงาบๆ สมองยังทำงานได้ไหม?
เป็นความเชื่อของคนหลายคนทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะแค่อเมริกาเท่านั้น โดยเชื่อว่าเมื่อคนโดนตัดหัวหลุดจากบ่า แต่แล้วหัวนั้นมันมีชีวิตอยู่ระยะหนึ่ง มันยังคงพะงาบๆ และมันเหลือบมองหน้าคนตัดอย่างอาฆาต!! และมันก็เกิดขึ้นจริงซะงั้น!! เมื่อหัวเราหลุดจากบ่า เรายังมีชีวิตอยู่ต่อได้ไหม เราสามารถกระพริบตาพะงาบๆ สมองยังทำงานได้ไหม?
เรื่องเหล่านี้เริ่มขึ้นในช่วงที่กิโยติน หรือเครื่องตัดหัวเป็นที่นิยมใช้ประหารนักโทษ ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นการประหารที่ทำให้ผู้ถูกประหายรตายอย่างรวดเร็ว สมองไม่เสียหาย เวลาประหารแต่ละที จะทำท่ามกลางประชาชนที่มามุมแน่นขนัด และนั้นเองทำให้พวกเขามีโอกาสเห็นหัวยังมีชีวิตอยู่
หนึ่งในนั้นคือ สมัยปฏิวัติฝรั่งเศส วันที่ 17 กรกฎาคม 1793 สาวนาม ชาร์ล็อตต์ คอร์เดย์ (Charlotte Corday) สาวบ้านนอกที่ได้ทำการฆาตกรรม พอล มารัต (Jean-Paul Marat) เธอถูกประหารด้วยกิโยตินซึ่งหลังจากคมมีดตัดเอาศีรษะเธอกระเด็นออก ผู้ช่วยประหารคนหนึ่งหยิบหัวเธอมา แล้วตบแก้ม พยานโดยรอบยืจนยันว่าดวงตาของเธอกลอกมามองเขาพร้อมกับสีหน้าไม่พอใจ และได้พูดคำว่า “ไม่ได้” (couldn) หลังจากนั้น ผู้คนที่จะถูกประหารด้วยกิโยตินก็จะถูกขอให้กระพริบตา ผลคือมีนักโทษหลาย คนแสดงให้เห็นว่าแม้ถูกตัดหัวตนก็ยังมีชีวิตอยู่
และใน 1905 จากหลักฐานต่างๆ สามารถสรุปได้ว่าแม้ถูกตัดหัวแล้ว สมองของคุณ ก็ยังคงสามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ได้นานหลายวินาทีก่อนที่จะตาย โดยหนึ่งในนั้นมาจากงานทดลองของดอกเตอร์ โบเรียคซ์ (Beaurieux)
ผู้ซึ่งทำการทดลองจากฆาตกรฝรั่งเศสชื่อ แลงกุยล์เลอ (Languille)
หลังจากเขาถูกแท่นตัดคอนักโทษด้วยเครื่องประหารด้วยกิโยติน (แท่นตัดคอนักโทษที่ถูกออกแบบให้ประหารแบบมนุษยธรรม) ตาของ แลงกุยล์เลอ และปากยังคงขยับนานถึงห้า ถึง หกวินาทีด้วยกัน และต่อมาเมื่อโบเรียคซ์ ตะโกนเรียกชื่อนักโทษ ก็พบเรื่องอันน่าขนลุกเมื่อ ตาของ แลงกุยล์เลอเปิดออกอีกครั้ง และจ้องมองเขา ทำให้เกิดความเชื่อว่า
หลังจากเขาถูกแท่นตัดคอนักโทษด้วยเครื่องประหารด้วยกิโยติน (แท่นตัดคอนักโทษที่ถูกออกแบบให้ประหารแบบมนุษยธรรม) ตาของ แลงกุยล์เลอ และปากยังคงขยับนานถึงห้า ถึง หกวินาทีด้วยกัน และต่อมาเมื่อโบเรียคซ์ ตะโกนเรียกชื่อนักโทษ ก็พบเรื่องอันน่าขนลุกเมื่อ ตาของ แลงกุยล์เลอเปิดออกอีกครั้ง และจ้องมองเขา ทำให้เกิดความเชื่อว่า
“เมื่อคนหัวขาดอาจสามารถคลองสติได้ 15 วินาที” แพทย์สมัยใหม่เชื่อว่าปรากฏการณ์ดังกล่าว
“เกิดจากการ reflex ของกล้ามเนื้อ (คือกล้ามเนื้อกระตุกจากการสูญเสียเลือด หรือการควบคุม ทำให้ตากระพริบ หรือกลอกตาไปมานั่นเอง)”