ตำนานของแม่มด
คำว่าแม่มด หรือ witch
แผลงมาจากคำว่า wit ในภาษาแองโกลแซกซอนหมายถึงหยั่งรู้ ต้องการรู้ดังนั้นแม่มดจึงหมายถึงพวกที่ต้องการหาความรู้(ในศาสตร์ลึกลับเหนือธรรมชาติ)ส่วนพ่อมดทีเรียกว่า Wizard แปลว่าผู้วิเศษ ตำนานพ่อมดแม่มดไปไกลถึงสมัยดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะสมัยกรีกโบราณซึ่งเป็นยุ8ที่เต็มไปด้วยเทพย์นิยาย ในสมัยนั้นฐานะของพ่อมดแม่มด เป็นผู้ได้รับการนับถือ
แผลงมาจากคำว่า wit ในภาษาแองโกลแซกซอนหมายถึงหยั่งรู้ ต้องการรู้ดังนั้นแม่มดจึงหมายถึงพวกที่ต้องการหาความรู้(ในศาสตร์ลึกลับเหนือธรรมชาติ)ส่วนพ่อมดทีเรียกว่า Wizard แปลว่าผู้วิเศษ ตำนานพ่อมดแม่มดไปไกลถึงสมัยดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะสมัยกรีกโบราณซึ่งเป็นยุ8ที่เต็มไปด้วยเทพย์นิยาย ในสมัยนั้นฐานะของพ่อมดแม่มด เป็นผู้ได้รับการนับถือ
โดยยกย่องเป็นผู้ที่ให้ความรู้, หมอรักษาโรค, ที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์หรือบางครั้งก็เป็นสื่อกลางกับเทพเจ้า จนต่อมาภาพพจน์ได้ตกต่ำลงผ่านมาหลายทศวรรษความคิดก็เริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวโดยเฉพาะเมื่อฮอเรช กวีชาวโรมัน เขียนถึงแม่มด2 ตน ชื่อคาดิเนีย และซากาน่าซึ่งฮอเรชได้บรรยายไว้ว่า เป็นหญิงชราที่น่าเกลียดน่ากลัว ฟัน ยื่น คางงุ้ม ใบหน้าขาวซีด ผมสกปรกยุ่งเหยิง ไม่สวมรองเท้า กำลังเก็บสมุนไพรอยู่ในป่าช้า และฉีกเนื้อลูกแกะออกเป็นชิ้นๆด้วยมือเปล่าพวกเธอทำคุณไสย ด้วยการเอาเทียนมาปั้นเป็นรูปของเหยื่อและวิงวอนให้เทพธิดาแห่งนรก และนางปีศาจที่มีผมเป็นงูมาทำร้ายศัตรูของนางทั้งสองจากนั้นงูและสุนัขนรกจำนวนมากก็ปรากฎตัวขึ้น ภูติผีปีศาจส่งเสียงโหยหวนรูปปั้นขี้ผึ้งถูกโยนไปในกองไฟ ไฟลุกโชน ภาคลักษณ์จึงเป็นสิ่งที่ติดใจทุกคนจนทุกวันนี้นั่นเอง
กิจกรรมของแม่มด
บางคนเชื่อว่า แม่มดเป็นพวกนอกรีต และเป็นสาวกแห่งซาตานว่ากันว่า แม่มด จะถวายเครื่องเซ่นซาตาน ด้วยคางคก แล้วซาตานจะใช้เล็บสักยันต์ให้ตรงหว่างคิ้ว เพื่อเป็นเครื่องหมายได้เป็นแม่มดแล้วหญิงนั้นจะถือเทียนดำพร้อมกับเตะและกระทืบไม้กางเขน จากนั้นจะเต้นรำกับบริวารที่เป็นแพะสีดำไปกับบทเพลงปิศาจ และกินคางคกต้ม งานเลี้ยงจะดำเนินไปจนรุ่งเช้า พอไก่ขันพวกปิศาจก็จะหายวับไปว่ากันว่าแม่มดสามารถแปลงกายได้หลายอย่าง ทั้งคางคก งูพิษ หมาป่ากินคน แมว และสัตว์ร้ายอีกมากมาย
ปลายเดือนตุลาคมของทุกปี ประเทศยุโรปจะมีเทศกาล ฮัลโลวีน (เทศกาลชุมนุมนักบุญตรงกับ 31 ตุลาคม)
เทศกาลนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่มด เพราะเชื่อกันว่า ผู้ที่มาเคาะประตูขอขนม เล่นเกม โดนหลอกหรือให้ขนม (Trick or Treat) นั้นเป็นแม่มด ถ้าไล่ไปไม่ให้ขนม แม่มดจะดลบันดาลให้มีสิ่งร้ายเกิดขึ้น
ในสายตาของเด็กๆทั่วไป แม่มดมีเพียงในนิทาน แต่ความจริงก็คือเรื่องราวประวัติศาสตร์ตะวันตก แม่มดจะถูกกวาดล้างและฆ่า การกวาดล้างไม่ได้ทำให้แม่มดหมดไป แต่กลับมีการฝึกฝนพลังแม่มดมากกว่าสมัยพุทธศตวรรษที่ 16-17 ที่มีการคลั่งไคล้และศรัทธาแม่มดเสียอีก
การล่าแม่มด
ศตวรรษที่ 16-17 จำนวนแม่มดในสหรัฐอเมริกามีมากถึง 50,000 คน สหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนที่ วิชาว่าด้วยคุณไสย (witchcraft ) เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการ จำนวนแม่มดในออสเตรเลียและยุโรป อาจจะมีจำนวนมากพอๆกัน ก็ได้ แต่ไม่เป็นที่เปิดเผย มีการเปิดสอนวิชาการแม่มดทางจดหมายซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมมากกว่า 40,000 คน ในสมัยก่อนผู้คนต่างเชื่อว่า การเจ็บป่วยและโชคร้ายนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเอง
เชื่อกันว่าเกิดจากความตั้งใจของแม่มด แม่มดเป็นผลพวงของลัทธิป่าเถื่อน ใช้คุณไสยช่วยเหลือผู้คน รักษาโรค นำโชค แต่คุณไสยสามารถนำมาใช้ในทางไม่ดีได้ด้วย ในสังคมอัฟริกานั้นเชื่อว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นจากแม่มดทั้งสิ้น ในซูดานและซาอีร์ เชื่อว่า การเป็นแม่มดนั้นเป็นคุณสมบัติที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ผู้ที่เป็นอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นแม่มด สังคมนี้เชื่อว่าความเจ็บป่วยเกิดจากเชื้อโรค ซึ่งตรงกับนิยามทางวิทยาศาสตร์ ผิดแต่เพียงว่า แม่มดเป็นผู้ควบคุมเชื้อโรคเพื่อสร้างความเจ็บปวดให้กับคนบางคนเท่านั้น
เชื่อกันว่าเกิดจากความตั้งใจของแม่มด แม่มดเป็นผลพวงของลัทธิป่าเถื่อน ใช้คุณไสยช่วยเหลือผู้คน รักษาโรค นำโชค แต่คุณไสยสามารถนำมาใช้ในทางไม่ดีได้ด้วย ในสังคมอัฟริกานั้นเชื่อว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นจากแม่มดทั้งสิ้น ในซูดานและซาอีร์ เชื่อว่า การเป็นแม่มดนั้นเป็นคุณสมบัติที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ผู้ที่เป็นอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นแม่มด สังคมนี้เชื่อว่าความเจ็บป่วยเกิดจากเชื้อโรค ซึ่งตรงกับนิยามทางวิทยาศาสตร์ ผิดแต่เพียงว่า แม่มดเป็นผู้ควบคุมเชื้อโรคเพื่อสร้างความเจ็บปวดให้กับคนบางคนเท่านั้น
ภาพลักษณ์ของแม่มดในสังคมยุโรปนั้นไม่ค่อยชัดเจน แม่มดอาจจะเป็นผู้วิเศษที่ช่วยรักษาโรคและนำโชคดีมาให้ก็ได้ พวกเขาจะรักษาโรคโดยใช้ความรู้ทางยาและสมุนไพรประกอบกับเวทมนตร์คาถา ภาษา ละติน และฮิบรู ที่โดยมากสืบทอดมาจากพวกเคลต์ (Celtic : ชาติวงศ์เมื่อพันกว่าปีของยุโรปกลางและยุโรปตะวันตก) นอกจากคุณไสยจะถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคแล้ว ยังอาจนำไปใช้ในการสาปแช่ง และทำเสน่ห์ได้ด้วย บุคคลใดเชื่อว่าตนถูกสาป จะต้องไปหาแม่มดเพื่อแก้คำสาปนั้น
เรื่องของคุณไสยและเรื่องเหนือธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในยุคกลาง แม้ในศาสนาคริสต์พลังเหนือธรรมชาติถูกแสดงได้โดยพระเจ้าเท่านั้น
เรื่องราวของการต่อต้านแม่มดและการใช้คุณไสยเริ่มมีขึ้นก่อนยุคกลาง มีผู้วิเศษออกมากล่าวหาว่า พระเยซูเจ้าไม่ได้ต่างอะไรกับผู้วิเศษคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจสูงสุดอย่างองค์กรทางศาสนาอ้าง ตั้งแต่นั้นมาองค์การศาสนาก็ทำการต่อต้านผู้วิเศษรวมทั้งแม่มด ฐานแสดงความขัดแย้งต่อพลังอำนาจของพระเจ้า พ.ศ. 2027 องค์กรทางศาสนาโรมันคาทอลิก ประกาศว่า ผู้ใดก็ตามที่ไม่ไช่สมาชิกของศาสนาแต่ปฏิบัติพิธีกรรม การใช้เวทมนตร์ คาถา และมีพลังเหนือธรรมชาติ ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับซาตานและปีศาจ พลังที่ได้มาไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่ได้มาจากซาตานและปีศาจ องค์กรศาสนาพยามเผยแพร่ศัตรูของพระเจ้าและสร้างภาพลักษณ์ให้ชัดเจน
ในช่วงปลายยุคกลาง ปีศาจเริ่มมีรูปร่างชัดเจนมากขึ้น โดยเห็นได้จาก ภาพวาดของพี่น้องลิมเบอร์ก(Limbourg) แสดงให้เห็นว่า ปีศาจนั้น มีเขา มีหาง มีเท้าเป็นกีบ ปีศาจอาจจะออกมาในรูปลักษณ์อื่นเพื่อหลอกลวง
แม่มดกับไม้กวาด
ไม้กวาดเป็นเครื่องมือหนึ่งที่พวกแม่มดใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง และกลายเป็นสัญลักษณ์ของแม่มดไปเลย มีหลายคนสงสัยว่าไม้กวาดบินได้อย่างไรในปี 1477 แม่มดแห่งซาวอยเล่าว่า เธอได้ไม้กวาดจากปีศาจร้าย เมื่อขึ้นขี่ระหว่างขาให้ตะโกนว่า “จงไป ในนามแห่งปีศาจร้าย ไป” แล้วไม้กวาดก็จะบินขึ้นสู่อากาศทันที
ในปี 1563 มีชายคนหนึ่งเล่าว่าเห็นแม่ของเขาขึ้นขี่ไม้กวาดแล้วพูดว่า “จงไปในนามของปีศาจร้ายและลูซิเฟอร์เจ้าแห่งศิลาและบัลลังก์”