บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

งั่ง หรือ พระอีหง่าง ตำนานความเป็นมาสุดแสนแปลกประหลาด


งั่ง หรือ พระอีหง่าง ตำนานความเป็นมาสุดแสนแปลกประหลาด

บทความนี้ทำเพื่อเป็นสาระความรู้โปรดใช่วิจรณญานในการรับรู้

งั่ง หรือ พระอีหง่าง ในภาษาไทยถิ่นอีสานและภาษาลาว เป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งของของเขมร ได้รับการยอมรับนับถือทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทางตอนใต้ของประเทศลาว

โดยมีความเชื่อว่าหากพกพาหรือบูชา จะช่วยในเรื่องเมตตามหานิยม ค้าขายดี มีเสน่ห์ให้เพศตรงข้ามรัก และอยู่ยงคงกระพันปัจจุบันถือเป็นเครื่องรางยอดนิยม มีมูลค่าตั้งแต่ไม่กี่บาทไปจนถึงหลักแสน


งั่ง (ซ้าย) และเป๋อ (ขวา) ซึ่งเป็นเครื่องรางลักษณะเดียวกัน
ความเชื่อเรื่องงั่งมีความเป็นมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรอยุธยาเป็นต้นมา[1] มีคติชนอธิบายที่มาของงั่งไว้ว่า มีชายผู้หนึ่งผิดหวังในความรักจึงจะออกบวช 

แต่ขณะกระทำพิธีอุปสมบทอยู่นั้น หญิงคนรักกลับมาขอคืนดี เขาจึงเปลี่ยนใจไม่บวชอีก แต่หลังจากนั้นก็เกิดอัศจรรย์ เพราะมีสาวใหญ่สาวน้อยมาลุ่มหลงติดพันไม่ขาดสาย จึงเรียกว่า งั่ง เพราะแทนที่เขาจะบวชเรียน แต่กลับไปลุ่มหลงกับกามตัณหาแทน หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผู้มีวิชาเชิงไสยศาสตร์ได้นำเรื่องราวนี้ไปทำเครื่องรางแทน โดยให้มีรูปลักษณ์แบบเดียวกับพระเครื่อง บ้างก็ว่าเป็นรูปลักษณ์ของพระทุศีล


แต่พระครูธรรมวงศา เจ้าอาวาสวัดจอมเพชร แขวงจำปาสัก ประเทศลาว อธิบายว่า งั่ง ในภาษาลาว ใช้นำหน้าชื่อบุคคลที่มีอำนาจวิเศษอย่างเทพเจ้าหรือตัวละครในวรรณกรรม เช่น งั่งสีโห งั่งสังข์ทอง หรืองั่งสินไซและจากการวิจัยของทำนอง วงศ์พุทธ และคณะ (2559) อธิบายว่า ทั้งปลัดขิก พ่องัด และงั่ง เป็นเครื่องรางกลุ่มเดียวกันที่มีความหมายสื่อถึงพระศิวะ ซึ่งตกทอดจากความเชื่อในศาสนาพราหมณ์

โดยมากงั่งจะมีลักษณะเป็นรูปบุคคลนั่งสมาธิ มีลักษณะคล้ายพระเครื่อง ร่างกายท่อนบนเปลือย ปลายเกศเอียงขวา หน้าตาดุดัน ปากแสยะยิ้ม ค่อนไปทางอัปลักษณ์ มีตาสีแดงซึ่งทำจากพลอยเทียม หรือหินสีแดง เป็นอาทิ

โดยมีเครื่องรางที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน คือ พ่องัด ซึ่งมีท่านั่งชันเข่าใช้มือกำอวัยวะเพศชาย หากเป็นเพศหญิงเรียกว่า เป๋อ ซึ่งเปลือยกายนั่งถ่างขาเผยให้เห็นโยนี และอีกชนิดเรียกว่าอิ่น เป็นรูปเพศชายกับเพศหญิงสวมกอดกันด้วยความรักใคร่

ด้วยความที่งั่งได้รับการบูชาเพราะเชื่อว่าเสริมเสน่ห์และเป็นของต่ำ จึงต้องห้อยไว้ที่เอวใกล้ของสงวน ต้องบูชาด้วยประจำเดือนของสตรี และเชื่อกันว่าผู้เลี้ยงงั่งไม่อาบน้ำหรือทำตัวสกปรกก็จะยิ่งเสริมอิทธิฤทธิ์แก่งั่ง เพราะงั่งชอบเกลือกกลั้วกับของสกปรก

โดยจะมีพิธีเลี้ยงใหญ่ในวันที่ 15 เมษายน หรือวันสงกรานต์ ด้วยการจัดอาหารสำรับใหญ่ ประกอบไปด้วยไก่ต้ม ไข่ต้ม ข้าว น้ำ และเหล้าขาว


 ส่วนวิธีพิสูจน์ว่าเป็นงั่งจริงหรือปลอม กล่าวกันว่าให้วางงั่งคว่ำไปกับพื้น แล้วให้ผู้หญิงกระโดดข้าม หรือใช้ผ้าถุงของผู้หญิง งั่งจะพลิกตัวขึ้นมาจ้องคนทำ

และเล่ากันอีกว่า หากงั่งหายไป ให้ไปหาในชุดชั้นในหรือกางเกงในสตรี ถือเป็นเรื่องปกติ

รายการบล็อกของฉัน

 hellomanman  happy-topay  invite-buying
 men-women-apparel diarylovemanman news-the-world
 homemanman alovemanman
 menmen-love
 ghost-in-manman  U.F.O.manman fishmanman
foodmanman  flowermanman herbs-in-manman
devilmanman herbs-in-manman manman clip