นิยายเรื่องนี้มีชื่อในภาษาฝรั่งเศสว่า
น็อทร์-ดามเดอปารี
Notre-Dame de Paris อันเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของวัดน็อทร์-ดาม ข้อนี้บ่งบอกว่าวัดนั้นเองเป็นองค์หลักของเรื่องเป็นทั้งฉากหลักและเป็นจุดหลักของการดำเนินเรื่อง เหตุการณ์เกือบทั้งหมดเกิดขึ้นที่วัด บนหอระฆังวัดหรือได้รับการชมดูจากตัวละครที่อยู่บนดาดฟ้าวัด นิยายนี้แสดงความเป็นไปในยุคกอธิก
ซึ่งสถาปัตยกรรม กิเลสตัณหา และศาสนาล้วนแต่สุดโต่ง มีการนำเสนอลัทธินิยัตินิยม (determinism) หรือลัทธิความเชื่อที่ว่า การกระทําทุกอย่างของมนุษย์ หรือเหตุการณ์ทั้งหลายได้ถูกกําหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ตลอดจนนำเสนอภาพการจลาจลและปฏิวัติ กับทั้งการต่อสู้ทางชนชั้น การถือวรรณะดังกล่าวปรากฏในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างกาซีโมโด นางแอสเมรัลดา และผู้ลากมากดีในหนังสือ อนึ่ง จะพบว่ามีแนวคิดเรื่องพลวัตทางเพศแทรกอยู่ในนิยายด้วย โดยเฉพาะส่วนที่ว่า นางแอสเมรัลดาเป็นวัตถุทางเพศของตัวละครอื่น ๆ ในลักษณะที่แตกต่างกันไป
ในสมัยนั้น วัดน็อทร์-ดามร้างการปฏิสังขรณ์นานมากและมีสภาพทรุดโทรมนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่อูโกต้องการบันทึกเอาไว้ในนิยายของเขา เขาเป็นกังวลว่า ศิลปะกอธิกอย่างวัดน็อทร์-ดามอันเป็นสัญลักษณ์แห่งกรุงปารีสและแม้กระทั่งของยุโรปทั้งทวีปนั้นจะมลายหายไปเพราะวิวัฒนาการของสื่อสิ่งพิมพ์ เขาสอดใส่แนวความคิดนี้ไปในบรรพ2 หมวด2 ตอนที่เจ้าคุณฟร็อลโลมองขึ้นไปยังวัดน็อทร์-ดาม แล้วรำพันว่า "Ceci tuera cela" ("สิ่งนี้จักกลืนสิ่งนั้น", "This will kill that") นอกจากนี้ อูโกยังเขียนว่า "quiconque naissait poète se faisait architecte" ("ใครก็ตามที่เกิดมาเป็นกวีแล้วก็ย่อมผันไปเป็นสถาปนิกด้วยกันทั้งนั้น", "whoever is born a poet becomes an architect") เพื่อย้ำว่า ในขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์ถูกตรวจพิจารณาและห้ามเผยแพร่ได้บ่อย สถาปัตยกรรมจักคงความโดดเด่นล้ำเลิศและสถิตอยู่ในเสรีภาพอันวิเศษหาใดเหมือน
คนค่อมแห่งน็อทร์-ดาม
ผู้ประพันธ์ วิกตอร์ อูโก (Victor Hugo)
ชื่อต้นฉบับ Notre-Dame de Paris
ผู้สร้างสรรค์ภาพประกอบ อัลเฟร บาร์โบ (Alfred Barbou)
ประเทศ ประเทศฝรั่งเศส
ภาษา ภาษาฝรั่งเศส
ประเภท จินตนิยม
ผู้เผยแพร่ โกสเซอแล็ง (Gosselin)
วันเผยแพร่ 14 มกราคม ค.ศ. 1831
คนค่อมแห่งน็อทร์-ดาม (อังกฤษ: the Hunchback of Notre Dame; ฝรั่งเศส: Notre-Dame de Paris) เป็นนวนิยาย ประพันธ์โดย วิกตอร์ อูโก (Victor Hugo) และเผยแพร่ครั้งแรกใน ค.ศ. 1831 ชื่อ น็อทร์-ดามเดอปารี ในฉบับภาษาฝรั่งเศส อันหมายถึง
"วัดน็อทร์-ดามแห่งปารีส"นั้นเอาชื่อวัดดังกล่าวซึ่งเป็นฉากหลักของเรื่องมาตั้งเนื้อหา
ภูมิหลังวิกตอร์ อูโก เริ่มเขียนนวนิยายเรื่องนี้ใน ค.ศ. 1829 ตามที่ตกลงไว้กับ โกสเซอแล็ง (Gosselin) สำนักพิมพ์ที่เขาสังกัดว่าจะให้เสร็จภายในปีนั้น อย่างไรก็ดี วิกตอร์ก็มิอาจเสร็จตามกำหนด เพราะต้องขลุกอยู่กับโครงการหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ราวฤดูร้อนของปีรุ่งขึ้น สำนักพิมพ์โกสเซอแลงจึงร้องขอให้เขารีบเขียนนวนิยายเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ค.ศ.1831เมื่อถึงเดือนกันยายน ค.ศ.1830 นั้น วิกตอร์จึงกว้านซื้อปากกา น้ำหมึก และเสื้อคลุมขนสัตว์แล้วกักตัวเองอยู่ในห้องของบ้าน โดยสัญญากับตนว่าจะไม่ออกบ้านถ้างานไม่เสร็จ เว้นแต่ไปปฏิบัติศาสนกิจยามค่ำคืนที่วัดน็อทร์-ดาม วิกตอร์ได้ "ปั่น" นวนิยายเรื่องนี้โดยไม่หยุดพัก และเสร็จภารกิจในอีกหกเดือนถัดมา
เรื่องย่อ the Hunchback of Notre Dame
เรื่องเริ่มขึ้นในกรุงปารีส วันที่ 6 มกราคม ค.ศ.1482 อันเป็นวันอีพิฟานีและเป็นวันเทศกาลจำอวด ในวันนั้น กาซีโมโด คนตีระฆังวัดน็อทร์-ดาม ซึ่งมีรูปกายอันพิกลพิการและหลังค่อมได้ปรากฏกายต่อสาธารณชน เพราะเขาได้รับรางวัลเป็นมงกุฎสำหรับ "ราชาแห่งคนเขลา" (Pope of Fools)
ในวันเดียวกันนั้นนางแอสเมรัลดาหญิงนักร้องระบำชาวยิปซีผู้มีรูปโฉมงดงามเช่นเดียวกับจิตใจของนาง ได้ครองหัวใจของชายทั้งหลาย รวมถึง ร้อยเอกเฟบุส เดอ ชาโตแป และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กาซีโมโด กับเจ้าคุณโกล็ดฟร็อลโลผู้เป็นอัครสังฆานุกร (Archdeacon)แห่งวัดน็อทร์-ดามและเป็นบิดาบุญธรรมของกาซีโมโด
เจ้าคุณฟร็อลโลยอมละเมิดวินัยสงฆ์เพื่อความใคร่ทางกามารมณ์ของตน เขาสั่งให้กาซีโมโดลักตัวนางแอสเมรัลดามา ซึ่งกาซีโมโดยินยอมทำ เพราะเขาก็หลงรักนางอยู่เช่นกัน แต่กาซีโมโดถูกร้อยเอกเฟบุสและกองทหารจับตัวแล้วช่วยนางแอสเมรัลดาไว้ได้เสียก่อน ศาลพิพากษาให้ทวนกาซีโมโด แล้วนาบด้วยเหล็กร้อน ฝูงชนพากันมาชมดูการลงโทษกาซีโมโด และร้องร่ำเย้ยหยันแสดงความเหยียดหยามและสาแก่ใจ เจ้าคุณฟร็อลโลปฏิเสธที่จะช่วยเหลือกาซีโมโดเมื่อเขาร้องเรียก ฝ่ายนางแอสเมรัลดา เมื่อเห็นว่ากาซีโมโดอยากน้ำ จึงฝ่าผู้คนเข้าไป แล้วส่งน้ำให้เขาดื่ม นี้ยิ่งทำให้กาซีโมโดรักนางมากขึ้นแต่นางแอสเมรัลดากลับรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเมื่อเห็นความอัปลักษณ์
ของกาซีโมโด
นางแอสเมรัลดาหลงรักร้อยเอกเฟบุสผู้ช่วยเหลือนางไว้เป็นอันมาก ร้อยเอกเฟบุสปดนางว่าเขาก็รักนาง แต่อันที่จริงเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ทั้งคู่จุมพิตกัน และขณะจะสมสู่กันนั้น เจ้าคุณฟร็อลโลเห็นเข้าและคับแค้นใจเป็นอันมาก จึงลอบแทงร้อยเอกเฟบุสข้างหลัง นางแอสเมรัลดาตกใจจนสลบไป ฟื้นขึ้นก็พบว่าตนตกเป็นแพะรับบาปแทน และถูกศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ขณะที่นางกำลังถูกพาตัวไปยังตะแลงแกงหน้าวัดน็อทร์-ดามนั้น กาซีโมโดโหนสายระฆังวัดลงมา แล้วชิงตัวนางเข้าไปในวัดที่ซึ่งทุกชีวิตได้รับอภัยทานตามกฎหมาย และเจ้าคุณฟร็อลโลรับปากจะให้นางอาศัยร่มพระศาสนาเป็นกำบังคุ้มภัยได้
ขณะเดียว โกลแป็ง ทรูยีโฟ หัวหน้าชาวยิปซีซึ่งรวมกลุ่มกันเป็นอั้งยี่และเรียกซ่องของตนว่า
"วังปาฏิหาริย์" (Court of Miracles) ทราบเรื่องนางแอสเมรัลดาถูกจับ ก็ระดมชาวยิปซีเข้าล้อมวัดเพื่อช่วยเหลือนาง เวลานั้น ชาวปารีสพากันหาว่านางแอสเมรัลดาเป็นแม่มดบันดาลให้เมืองปั่นป่วน และเจ้าพนักงานกราบบังคมทูลพระเจ้าหลุยส์ที่11 พระมหากษัตริย์แห่งฝรั่งเศส ทราบถึงเหตุจลาจลในกรุงปารีส พระองค์ทรงเข้าพระทัยว่าผู้คนมาชุมนุมเพื่อจะตามล่าสังหารแม่มด รัฐสภาจึงตราพระราชบัญญัติให้นางแอสเมรัลดาพ้นจากอภัยทานตามกฎหมายและพระเจ้าหลุยส์ที่11
ทรงบัญชาให้กองทัพเข้าควบคุมสถานการณ์แล้วประหารเหล่าผู้ก่อจลาจล ซึ่งรวมถึง "นางแม่มดแอสเมรัลดา" เสียให้สิ้น
ขณะเมื่อชาวยิปซีเข้าล้อมวัดนั้น กาซีโมโดเข้าใจว่าคนเหล่านั้นเข้ามาเพื่อจะทำร้ายนางแอสเมรัลดา จึงเข้าประจัญเพื่อปกป้องนาง กองทัพมาถึงในเวลานั้น และสังหารชาวยิปซีจนสิ้น รวมถึงโกลแป็งด้วย ในระหว่างนั้นเอง เจ้าคุณฟร็อลโลให้นางแอสเมรัลดาตัดสินใจว่า จะยอมเป็นของเขาหรือไม่ นางปฏิเสธโดยไม่รีรอ เจ้าคุณจึงส่งตัวนางให้แก่เจ้าพนักงาน โดยกล่าวว่า ถ้าเขาไม่ได้นางใครก็อย่าได้นางอีกและเห็นว่าเป็นการทำลายนางมารที่ล่อลวงให้เขาหลงใหลมัวเมา เจ้าคุณยืนอยู่บนหอระฆังชมดูการแขวนคอนางแอสเมรัลดาที่จัตุรัสเบื้องล่าง และระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับปิศาจขณะที่นางกำลังดิ้นตายในห่วงเชือก กาซีโมโดจึงผลักเจ้าคุณผู้เลี้ยงตนมาจนเติบใหญ่ตกลงจากหอระฆังเจ้าคุณร่วงลงห้อยกับตัวปนาลีคาอยู่กลางอากาศ แต่เขาอ่อนแรงเกินกว่าจะยื้อยุดสิ่งใดไว้ได้เขาคาอยู่อย่างนั้นชั่วระยะหนึ่ง
ก่อนหล่นลงกระแทกกับหลังคาอาคารบ้านเรือนลดหลั่นกันไปรอบๆวัดแล้วกระทบกับบาทวีถีกลางใจเมืองถึงแก่ความตาย จากนั้น กาซีโมโดก็มุ่งตรงไปยังสุสานประจำเมือง เขาเปิดหลุมศพของนาง แล้วนอนลงข้างเคียงกับศพนางเพื่อสมรสกับนาง
กาซีโมโดกอดศพเจ้าสาวเขาไว้
และที่สุดก็ขาดใจตายเพราะความหิว
สองปีต่อมาชาวปารีสช่วยกันตามหาศพนักโทษประหารรายหนึ่งซึ่งพระเจ้าหลุยส์ที่11พระราชทานพระราชานุญาตให้ประกอบพิธีศพอย่างสมเกียรติได้ พวกเขามาถึงสุสานประจำเมืองและค้นพบโครงกระดูกสองโครง โครงหนึ่งเป็นหญิง มีรอยหักที่คออันเนื่องมาจากถูกเชือกรัด และอีกโครงหนึ่ง มีลักษณะช่วงหลังงุ้มงอผิดปรกติโครงกระดูกที่สองนี้กอดรัดโครงแรกเอาไว้โดยแน่นเมื่อชาวเมืองพยายามแยกทั้งสองจากกัน โครงกระดูกที่สองก็แตกสลายเป็นผงธุลีไป....
ขอขอบคุณข้อมูลจากจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย manman
เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย manman