บันยิพ สัตว์ประหลาดแห่ง"ออสเตรเลีย
ออสเตรเลียมักเล่าที่แปลกประหลาดอยู่เสมอและหนึ่งในนั้นก็ต้องมีตำนานเรื่องตำนานเกี่ยวกับเจ้าสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเรียกกันว่า บันยิพ (Bunyip) รวมอยู่ด้วยเช่นกัน...
สำหรับเรื่องสัตว์ประหลาดหรือเจ้าตัวประหลาดนี้นั้นก็เป็นตำนานหรือเรื่องเล่าที่ยังคงกล่าวขาน และมีรายงานการกันต่อมาจนถึงทุกวันนี้ของชาวเผ่าพื้นเมืองอะบอริจินส์ของออสเตรเลียโน่นแน่ะครับ (ปัจจุบันก็ยังพบอยู่)
ตำนาน
ตามเรื่องตำนานได้เล่ากล่าวเอาไว้ว่าบันยิพ มีชื่อเรียกหลายชื่อ อาทิ ไคน์ ปราตี โววีโววี ทูนาทาบา ดองกัส และอื่นๆ อีกหลายชื่อ นอกจากนี้ชื่อยังแตกต่างกันมากกว่านี้อีก แถมมันยังเผ่าพันธุ์หลายเผ่าพันธุ์กระจายตามภูมิประเทศอีกหลายพันธุ์ บางพันธุ์หน้าแบนเหมือนสุนัขบูลด็อกและหางเหมือนปลา บางพันธุ์คอยาวและมีงอยปากเหมือนนกอีมูแถมมีขนแผงคอที่ห้อยย้อยลงมาเหมือนงูทะเล แบบเหมือนคนก็มีเพียงแต่รูปร่างน่ากลัวว่ากันว่าคนที่เห็นบันยิพส่วนมากมักตาย เพราะถูกมันฆ่า!!
มีเรื่องเล่ากันว่าบันยิพเป็นจิตวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในแม่น้ำ ลำคลอง หนองบึง ทะเลสาบ พอนานวันเข้าเลยกลายมาเป็นสัตว์ประหลาดเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา มีนิสัยขี้โมโห มีพฤติกรรมหรือการกระทำที่เรียกได้ว่าดุร้ายเอาการทีเดียว ถ้าหากมีผู้ใดหรือใครบุกรุกหรือล่วงล้ำถิ่นที่อยู่ของมันแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ชนิดใดก็ตาม เบาะๆ ก็โดนทำร้ายครับ แต่ถ้าแย่หน่อยก็จะโดนมันพาลากเอาลงน้ำไปเลย
...และที่สำคัญมันชอบกินคนซะด้วยสิ โดยเฉพาะชาวพื้นเมืองอะบอริจิ้นก็กลัวมันมักกลัวมันหนาเพราะพวกผู้หญิงและเด็กมักหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยสันนิษฐานว่า ถูก บันยิพรากไปกิน
...แม้จะมีผู้พรรณนารูปร่างบันยิพแตกต่างกันมากมาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่บันยิพเหมือนกันคือ มันจะร้องเสียงเดียวกันทั่วออสเตรเลีย เป็นเสียงคำรานดังก้อนสะท้อนกลับในบึงไม้โกงกาง ในแผ่นดินริมแม่น้ำ บ่อน้ำ เสียงของมันจะได้ยินชัดเจนยิ่งขึ้นระหว่างฝนตกละหลังฝนหายใหม่ๆ และจะหายไปในระหว่างหน้าร้อนเมื่อถ้ำของมันแห้งผาก เชื่อกันว่ามันคงหมกตัวอยู่ในโคลนลึก รอถึงฤดูฝนที่มาถึงไม่ใช่แต่เพียงชาวพื้นเมืองที่มีเรื่องเล่าขานถึงเรื่องของบันยิพเท่านั้นนะครับ พวกคนขาวที่ไปตั้งรกรากทีหลังอยู่ที่นั่นก็มีประสบการณ์ที่เกี่ยวกับเจ้าบันยิพนี่อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าลักษณะของรายละเอียดจะแตกต่างกันออกไปเท่านั้นเองแต่ก็เล่าขานกันเป็นในแนวสัตว์ประหลาดที่เฝ้าหนองบึง ผืนน้ำอยู่นั่นเอง...แต่ที่สำคัญมันกินเนื้อคนขาวด้วย
เรื่องจริง
รู้ไหมบันยิพก็ถือเป็นสัตว์เร้นลับเหมือนกัน!!
มีรายงานการพบเห็นบันยิพนั้นไล่มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 แน่ะครับ หลายสถานที่ หลายแห่ง
ในออสเตรเลีย แต่ปีที่มีการรายงานเกี่ยวกับบันยิพมากที่สุดก็เห็นจะเป็นในช่วงปี ค.ศ.1820-1845 ครับ เรียกได้ว่ายุคทองของเรื่องบันยิพเลยทีเดียว
ส่วนรูปร่างที่เห็นเหรอ เหมือนในตำนานเปี๊ยบ คือมีหลายรูปร่างแหละ....คือ มี 4 ขา และแต่ละขามี 3 เล็บ ขนาดลำตัวใหญ่ ที่ตัวด้านหน้ามีเกล็ดปกคลุมไปจนถึงครึ่งของหลังและแผ่นหลังก็ปกคลุมด้วยขนไปตลอดจนถึงหาง หน้าตาออกจะคล้ายสุนัข บ้างก็ว่าเหมือนหมู มีหางคล้ายตัวบีเวอร์ ขนาดความยาวตลอดตัวราว 10-12 ฟุต แต่ส่วนใหญ่ออกไปทางไดโนเสาร์หรือสัตว์เลื้อยคลาน
ในออสเตรเลีย แต่ปีที่มีการรายงานเกี่ยวกับบันยิพมากที่สุดก็เห็นจะเป็นในช่วงปี ค.ศ.1820-1845 ครับ เรียกได้ว่ายุคทองของเรื่องบันยิพเลยทีเดียว
ส่วนรูปร่างที่เห็นเหรอ เหมือนในตำนานเปี๊ยบ คือมีหลายรูปร่างแหละ....คือ มี 4 ขา และแต่ละขามี 3 เล็บ ขนาดลำตัวใหญ่ ที่ตัวด้านหน้ามีเกล็ดปกคลุมไปจนถึงครึ่งของหลังและแผ่นหลังก็ปกคลุมด้วยขนไปตลอดจนถึงหาง หน้าตาออกจะคล้ายสุนัข บ้างก็ว่าเหมือนหมู มีหางคล้ายตัวบีเวอร์ ขนาดความยาวตลอดตัวราว 10-12 ฟุต แต่ส่วนใหญ่ออกไปทางไดโนเสาร์หรือสัตว์เลื้อยคลาน
ในช่วงปี ค.ศ.1800 นั้นเคยมีรายงานการพบซากกระดูกสัตว์ขนาดใหญ่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนครับที่ เมืองกีลอง(Geelong) รัฐวิคตอเรีย (Victoria) ของออสเตรเลีย โดยรูปร่างกระดูกจะคล้ายกับฮิปโปโปเตมัส แต่แน่นอนครับว่าพอพิสูจน์แล้วไม่ใช่ ก็เลยมีการสันนิษฐานกันไปว่ามันอาจจะเป็นซากกระดูกของบันยิพก็ได้ ว่ากันไปนั่นเลยทีเดียวเชียว
ต่อมาเมื่อปี ค.ศ.1845 ก็มีการขุดค้นพบโครงกระดูกสัตว์ยักษ์ปริศนาอีกเช่นกันครับ ซึ่งลักษณะของกระดูกที่ขุดพบครั้งนี้นั้นรูปร่างคล้ายกับจระเข้ผสมกับนก รูปร่างของโครงกระดูกจระเข้ขณะยืน 2 ขาและตัวพองๆ แบบนกดู นั่นละครับใช่เลย ซึ่งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของกีลองได้เคยลงเรื่องและรูปวาดของบันยิพเอาไว้และเอามาตีพิมพ์ใหม่
ปี1872 บันยิพกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งที่รัฐเซาท์เวลส์ หนังสือพิมพ์วักก้า วักก้าแอ็ดเวอร์ไทเซอร์รายงานข่าวว่าสุภาพบุรษท่านหนึ่งได้เฝ้าดูสัตว์ตัวนั้นอย่างเงียบๆ
ปี1872 บันยิพกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งที่รัฐเซาท์เวลส์ หนังสือพิมพ์วักก้า วักก้าแอ็ดเวอร์ไทเซอร์รายงานข่าวว่าสุภาพบุรษท่านหนึ่งได้เฝ้าดูสัตว์ตัวนั้นอย่างเงียบๆ
..... “หลายวันมานับตั้งแต่ มร.เอ ผู้ที่ต้อนแกะข้ามรัฐไปยังเมลเบิร์น ได้ตั้งค่ายพักแรมอยู่ที่ริมลากูน เขาได้แวะมาหาข้าพเจ้าที่บ้านและถามว่าสัตว์ที่อยู่ในบึงของเรานั้นมันเป็นตัวอะไร เขาอธิบายว่ามีตัวอะไรบางอย่างอยู่ในบึงที่ทำให้ตัวเขาและคนงานเลี้ยงแกะของเขาต้องตกใจกลัว ข้าพเจ้าอดขำเรื่องที่เขาบอกไม่ได้ และนี่ทำให้เขาโกรธถึงกับเชิญข้าพเจ้าให้ไปที่นั่นแล้วไปดูให้เห็นกับตา
ข้าพเจ้าจึงไปที่นั่นในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นระหว่างหกถึงเจ็ดนาฬิกา มีคนอื่นตามไปด้วยสองคน คอยอยู่ไม่นานข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนตัวอะไรสักอย่างฝ่าน้ำมาอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดเสียงดังพอๆ กับเสียงแล่นเรือกลไฟของนอร์ชอร์ เมื่อมองไปทางที่เกิดเสียงนั้นข้าพเจ้าเห็นสัตว์ตัวหนึ่งกำลังมุดน้ำตรงเข้ามาหาพวกเราด้วยความเร็วสูง
เรายืนตัวแข็งด้วยความทึ่ง และเฝ้าดูการเข้ามาของสัตว์ตัวนั้น ซึ่งเราคิดว่าเดี๋ยวมันก็ต้องโผล่มาบนผิวน้ำ เพราะมันคงไม่รู้ว่ามีพวกเราแถวนั้น มันยังคงเข้ามาด้วยความเร็วสูงมาก จนกระทั้งมาอยู่ห่างจากขอบลากูนไม่เกิน 30 หลา มันก็หยุดกะทันหันและโผล่พรวดขึ้นมาให้เราเห็นอย่างรวดเร็ว
เรายืนตัวแข็งด้วยความทึ่ง และเฝ้าดูการเข้ามาของสัตว์ตัวนั้น ซึ่งเราคิดว่าเดี๋ยวมันก็ต้องโผล่มาบนผิวน้ำ เพราะมันคงไม่รู้ว่ามีพวกเราแถวนั้น มันยังคงเข้ามาด้วยความเร็วสูงมาก จนกระทั้งมาอยู่ห่างจากขอบลากูนไม่เกิน 30 หลา มันก็หยุดกะทันหันและโผล่พรวดขึ้นมาให้เราเห็นอย่างรวดเร็ว
มันลอยตัวอยู่ในน้ำแล้วก็นิ่งอยู่อย่างนั้น ทำให้ข้าพเจ้าได้มองเห็นสัตว์ตัวนี้อย่างชัดเจน สัตว์ที่ทำให้ข้าพเจ้าประหลาดใจยิ่งกว่าสิ่งใดที่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต สัตว์ตัวนี้ยาวเป็นสองเท่าของสุนัขพันธุ์รีทรีฟเวอร์ทั่วๆ ไป ขนตามตัวเป็นเงาสีดำเสนิท และยาวมากลอยแผ่ไปตามผิวน้ำราวห้านิ้ว กระเพื่อมขึ้นลงตามผิวน้ำราวห้านิ้ว กระเพื่อมขึ้นลงตามอาการเคลื่อนไหวของตัวมันเอง ข้าพเจ้ามองไม่เห็นลูกตาของมัน ส่วนหูนั้นเห็นได้ชัด
มันไม่ทำเสียงใดๆ ออกมา แต่มันก็เฝ้าดูเราราวครึ่งชั่วโมง นานเข้ามันก็หัวกลับมาอย่างเงียบๆ และว่ายออกไปอย่างช้าๆ ไม่แสดงอาการตกใจใดๆ และเราก็เฝ้าดูมันเคลื่อนที่ตามสบายไปตามผิวหน้าของทะเลสาบไกลจนลับสายตา เราตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของมันมาก และข้าพเจ้าได้ตั้งรางวัลไว้ 20 ปอนด์ สำหรับตัวที่ตายแล้ว และ 50 ปอนด์ ถ้าจับมันได้ตัวเป็นๆ”
ปีต่อมา หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกัน ลงเรื่องสัตว์ลึกลับตัวนี้ อีกว่าพนักงานรังวัดหลายคนในเรือที่ลอยลำอยู่ในทะเลสาบโควอลซึ่งเป็นทะเลสาบเล็กๆ ยาวราว 30 ก.ม.และกว้างราว 10 ก.ม. พวกเขาเห็นอะไรบางอย่างอยู่ห่างจากเรือของพวกเขาออกไปราว 150 เมตร ซึ่งพวกเขาบอกว่ามีลักษณะเหมือน “พวกเพื่อนผิวดำแก่ๆที่มีผมดำยาว”กำลังว่ายน้ำเป็นเส้นตรงแน่ว แล้วทุกระยะ 6-8 ม. ก็โผล่ออกมาและก็ดำกลับไปใหม่ เหมือนกำลังหาปลาอยู่
ปี 1876 หนังสือดิอะบอริจินออฟวิคตอเรีย ตีพิมพ์ว่ามีคนเห็นบันยิพที่อ่างเก็บน้ำโคลิบันว่า
“พันตรีคุชแมน หัวหน้าพนักงานสำรวจแร่ บอกว่าเขาและมร. เวนเดอร์ ได้เห็นสัตว์ตัวหนึ่งเหมือนสุนัขชอบน้ำ กำลังว่ายอยู่ในอ่างเก็บน้ำมาล์มสบิวรี มันตัวใหญ่และสีเข้มมาก เขาเฝ้ามองสัตว์ตัวนี้อยู่สักครู่ แล้วมันก็ดำหายไป จึงรู้ว่ามันรูปร่างมันไม่ใช้สัตว์ที่เรารู้จัก หัวของมันเหมือนแมวน้ำจืด
Fresh Water Sea
“พันตรีคุชแมน หัวหน้าพนักงานสำรวจแร่ บอกว่าเขาและมร. เวนเดอร์ ได้เห็นสัตว์ตัวหนึ่งเหมือนสุนัขชอบน้ำ กำลังว่ายอยู่ในอ่างเก็บน้ำมาล์มสบิวรี มันตัวใหญ่และสีเข้มมาก เขาเฝ้ามองสัตว์ตัวนี้อยู่สักครู่ แล้วมันก็ดำหายไป จึงรู้ว่ามันรูปร่างมันไม่ใช้สัตว์ที่เรารู้จัก หัวของมันเหมือนแมวน้ำจืด
Fresh Water Sea