เอ็ดเวิร์ด กีน (Edward Theodore Gein) เกิดในปี ค.ศ.๑๙๐๖ อาศัยอยู่หมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อเพลนฟิลด์ รัฐวิสคอนซิล อเมริกา ครอบครัวของเอ็ดประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งมีด้วยกัน ๔ คน คือ ตัวเขา พ่อ - ปีศาจสุราที่จะแสดงความโหดร้ายทุกครั้งที่ขาดสติ และเป็นภาระของครอบครัว
แม่และแม่บ้านที่งมงายในศาสนา หน้าไม่รับแขกและเป็นใหญ่ในบ้าน มักจะตะโกนด่าลั่นตลอดเวลา ถ้ามีสิ่งใดผิดปกติไปจากเดิมในบ้าน และเฮนรี่พี่ชายของเขา
เอ็ด เป็นคนที่มีหน้าตาธรรมดาแบบชายอเมริกันบ้านนอกทั่วไป ไม่มีอะไรเด่น เว้นแต่ดวงตาของเขาที่สุกใสและดูลึกลับต่อผู้พบเห็น เขาเป็นคนขี้อายและชอบเก็บตัว ชีวิตในวัยเด็กจึงเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว มีเพียงแม่ของเขาเท่านั้นที่เปรียบเป็นทั้งเพื่อน และครู (เอ็ดออกมาจากโรงเรียนกลางคัน) แต่ทว่าวิธีการเลี้ยงของแม่เขานั้น ออกจะผิดแปลกไปสักหน่อย เธอเลี้ยงดูเอ็ดอย่างเด็กผู้หญิง เพราะเธอหวังว่าลูกคนที่สองเป็นหญิง และกิจกรรมที่เธอมักทำร่วมกับเอ็ดอยู่บ่อยๆ คือ การพาเขาไปดูการชำแหละซากสัตว์
คำสอนที่เธอมักสอนเอ็ดอยู่บ่อยๆ เธอมักสอนว่า “ผู้หญิงทุกคน (ยกเว้นแม่) ล้วนบาปหนา” และ “แกไม่สามารถมีเพื่อนได้ ยกเว้นแม่” เขาเชื่อคำสอนนี้ และเขามองแม่เหมือนเป็นพระเจ้า แม้จนสิ้นอายุขัย จนกระทั่งพ่อของเขาตายเมื่ออายุยี่สิบกว่าๆ กิจการทั้งหมดทั้งสามคนที่เหลือจึงเป็นผู้รับผิดชอบ ถึงแม้เอ็ดและพี่ชายจะถึงวัยหนุ่ม แต่เขาก็ยังเป็นโสด ผิดจากวัยรุ่นทั่วไป
เนื่องจากไม่มีหญิงสาวคนไหน ทนคำพูดของแม่ได้ เธอบอกว่าการมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นบาปยิ่ง เมื่อเอ็ดอายุ ๔๐ ฟาร์มของเขาอยู่ในช่วงวิกฤต ผลผลิตภายในฟาร์มไม่ดี ขาดทุนมากมาย พี่ชายของเอ็ดต้องทำงานอื่นเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งช่วงนี้เองพี่ชายเขามักปากกล้าโต้เถียงแม่เป็นประจำ แต่เอ็ดก็ยังเข้าข้างแม่ แม้เรื่องที่โต้เถียงกันแม่จะเป็นฝ่ายผิดก็ตาม สำหรับเขาแม่คือพระเจ้า และมันผู้ใดที่ต่อต้านพระเจ้ามันต้องได้รับบบลงโทษ
ในปี ๑๙๔๔ เฮนรี่พี่ชายของเอ็ดก็เสียชีวิตจากการถูกไฟคลอก ในขณะที่เกิดแพลิงไหม้ในแปลงข้าวโพด มีหลายคนเห็นพี่ชายของเอ็ดอยู่กับเอ็ดในแปลงข้าวโพดก่อนเกิดเหตุไม่นานนัก ปีถัดมาแม่ของเขาล้มป่วยอัมพาธ และเสียชีวิตไปจากการเกิดอุบัติเหตุ ปัญหาต่างๆ ทั้งงานฟาร์มและปัญหาครอบครัวล้วนมีส่วนให้เขาเปลี่ยนแปลงไป กระทั่งเอ็ด กีน วัย ๕๑ ปี เขาเป็นชายที่สุภาพ อ่อนโยน และสันโดษ แต่สำหรับชาวบ้าน เขาดูเป็นคนน่ารังเกียจ เป็นคนผิดปกติ ออกกระตุ้งกระติ้งแบบผู้หญิง จึงไม่ค่อยมีใครสุงสิง หรือพยายามสนิทเท่าใดนัก
เมื่อปราศจากแม่ เขาก็เป็นอิสระ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องการให้แม่กลับคืนมา
จุดเริ่มตำนานจอมถลก
เขา เริ่มสนใจในร่างกายของเพศหญิงที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เป็นการสนใจที่แปลกประหลาด สับสน แยกไม่ออกว่ามันเป็นความต้องการทางเพศ หรือความต้องการเรือนร่างของสตรี เขาหาหนังสือที่เกี่ยวกับเรือนร่างของสตรีเพศมาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ สาระนุกรม หรือแม้กระทั่งทดลองของนาซีในสงครามโลกครั้งที่สอง
ข้อมูลเหล่านี้กระตุ้นความปรารถนาในจิตใจให้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขาปิดตายห้องต่างๆ ในบ้านตัวเองยกเว้นห้องครัว และห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเอ็ดได้ฆ่าเหยื่อไปกี่ คนกันแน่ แต่จากสืบสวนของตำรวจเขาว่าเอ็ดฆ่าเหยื่อ ๒ ราย เหยื่อรายแรกที่เขาลงมือคือ นางมารี โฮแกน วัย ๕๕ ปี ในปี ๑๙๕๔ แม่หม้ายเจ้าของร้านอาหารและบาร์เล็กๆ ชื่อโฮแกน ทราเวิร์น ที่หมู่บ้านไพน์โกรฟ ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างเธออยู่กับเอ็ดตามลำพัง จนกระทั่งมีลูกค้าคนหนึ่ง เข้าไปที่นั่น แต่ก็ไม่พบคนขาย ตรงกันข้ามสิ่งที่ปรากฏกลับเป็นเลือดกองใหญ่บนพื้นตรงประตูด้านหลังร้าน กับกระสุนปืนพกขนาด ๓๒ หนึ่งปลอก รอยเลือดปรากฏเป็นระยะๆ ไปจนถึงที่จอดรถและหายไป เข้าใจว่านางมารีคงถูกนำไปขึ้นรถจากตรงนั้น ตำรวจไม่สามารถตามหาตัวเธอได้ แต่ในบันทึกการสอบปากคำพยานของตำรวจ นายเอลโม เจ้าของโรงเลื้อยได้ให้การกับตำรวจว่า เขาเคยคุยกับเอ็ดเรื่องการหายตัวของมารี เอ็ดตอบเขาว่าเธออยู่ที่ฟาร์มของเขานั่นแหละไม่ได้หายไปไหนหรอก ตอนนั้นเอลโมคิดว่าเอ็ดพูดเล่น จึงไม่ใส่ใจ และถามอะไรเพิ่มเติม ซึ่งนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้
สามปีให้หลังจากการ เสียชีวิตของมารี เอ็ดเริ่มหาเหยื่อรายใหม่ ความซวยหนนี้ตกไปอยู่ที่ นางเบอร์นิซ วอร์เดน หญิงหม้ายวัย ๖๐ ปี เจ้าของร้านขายอุปกรณ์ในเมืองเพลนฟิลด์ วันนั้นเป็นวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๑๙๕๗ แน่นอนว่าเอ็ดเข้ามาในร้านตอนที่ไม่มีคนอยู่ เขาใช้ปืนขนาด .๒๒ ที่นำมาเองใส่เข้าไปในปืนไรเฟิล และยิงเธอโดยไม่ทันรู้ตัว จากนั้นจึงนำร่างของเธอขึ้นรถบรรทุกสำหรับส่งของ แล้วขับกลับบ้านเขาในเวลาต่อมา แฟรงค์ลูกชายของเบอร์นิชที่เพิ่งกลับมาจากการล่าสัตว์ เขาเห็นประตูร้านของแม่เขาล็อคเอาไว้ แต่มีไฟเปิดอยู่ด้านในซึ่งมันผิดปกติ เพราะนี่เป็นเวลาที่ร้านควรปิดได้แล้ว เมื่อเปิดประตูเข้าไปข้างใน ก็พบเครื่องคิดเงินหายไปและมีกองเลือดกระจายอยู่เต็มพื้น แฟรงค์รีบโทรแจ้งตำรวจทันที จากการสอบปากคำของคนในพื้นที่ใกล้เคียง มีผู้พบเห็นรถส่งของของร้านแล่นผ่านไปเมื่อเวลาประมาณ ๙.๓๐ น.
ในขณะ ที่ตำรวจกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ แฟรงค์และเจ้าหน้าที่ก็ได้พบหลักฐานชิ้นสำคัญอย่างหนึ่งเข้า นั่นก็คือใบเสร็จรับเงินว่าร้านได้ขายของให้ใครบ้าง แฟรงค์จึงฉุกคิดขึ้นได้ว่า เมื่อวานมีลูกค้าประจำของร้านรายหนึ่งได้ถามกับเขาว่า พรุ่งนี้เขาจะอยู่ร้านหรือเปล่า และลูกค้าประจำคนนั้นก็คือ เอ็ดเวิร์ด กีน
แฟรงค์ และตำรวจรีบรุดไปที่ฟาร์มของเอ็ดทันที เนื่องจากกลัวว่าเอ็ดจะรู้ตัว และหลบหนี แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบตัวของเอ็ด เจ้าหน้าที่จึงยังไม่สามารถเข้าตรวจค้นภายในบ้านได้ พวกเขาจึงขับรถออกค้นหาแถวเวสต์เพลนฟิลด์ อันเป็นสถานที่ที่เอ็ดชอบไปซื้อของใช้ พอไปถึงก็พบกับเอ็ดพอดี เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว และทันใดนั้นเอง เอ็ดก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันที เพราะเขาเอ่ยปากบอกแก่เจ้าหน้าที่ว่า เขาเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่านางวอร์เดน ทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครเอ่ยถาม
เปิดบ้านเอ็ดเวิร์ด กีน พิพิธภัณฑ์มนุษย์หรือบ้านผีสิงเย็นวันนั้น ตำรวจชุดเดิมพร้อมอาวุธครบมือกลับไปที่บ้านของเอ็ดอีกครั้งเพื่อหาหลักฐาน เพิ่มเติม ทันทีที่ก้าวออกจากรถ ทุกคนในที่นั้นต่างได้กลิ่นเน่าโชยจากตัวบ้านของเขา เด็กๆ แถวนั้นเรียกมันว่าบ้านผีสิง เขาเปิดประตูที่ด้านข้าง เพราะประตูหน้าล็อค เวลาที่ไปค้นนั้นเป็นเวลาหัวค่ำ ตัวบ้านนั้นมืดเพราะไม่มีไฟฟ้าใช้ ภายในบ้านมีน้ำขัง ซึ่งมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แม่เขามีชีวิตอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงใช้ไฟฉายสาด และตามเข้าเอ็ดเข้าไป สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำเอาทุกคนหัวใจแทบหยุดเต้นด้วยความสยดสยอง