มันคือร่างเปลือยเปล่า ซีดขาวโพลน ร่างหนึ่งถูกแขวนห้อยหัวอยู่กับคานของโครงหลังคา ขาทั้งสองข้างแยกออกกว้าง เห็นชัดว่าร่างนั้นถูกอะไรบางอย่างผ่านด้านหน้า ตั้งแต่หว่างขายาวไปถึงลำคอ ดูจากร่างแล้วเป็นผู้หญิง เพียงแต่ไม่รู้ว่าใคร เพราะร่างนั้นปราศจากหัว
ท่ามกลางกลิ่น เหม็นคละคลุ้งไปทั่วบ้านของพวกเขา สำรวจต่อก็พบว่าทั้งบ้านแทบจะเหมือนกองขยะ ที่ไม่เคยเก็บกวาดเลย และ เจ้าหน้าที่ก็แทบช็อกกันอีกครั้ง เพราะบ้านหลังนี้คล้ายพิพิธภัณฑ์เก็บซาก..พ และอวัยวะ..พ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกจากหลายๆ ส่วนของมนุษย์ มีจมูกที่ตัดออกจากใบหน้าคนจำนวน ๔ จมูก กระป๋องใส่อาหารที่ขึงด้วยหนังมนุษย์ที่ทำเป็นกลอง
ถ้วยที่ทำจากกะโหลกของมนุษย์ โดยตัดส่วนบนของกะโหลกออก หน้ากากที่เฉือนออกมาจากใบหน้าของผู้หญิง จำนวน ๙ ชิ้น หัวของผู้หญิงที่ถูกเลื่อยส่วนบนตั้งแต่โหนกคิ้วออกไปจำนวนสิบหัว เก้าอี้ถูกเปลี่ยนจากเบาะธรรมดาเป็นเบาะหนังมนุษย์ ในตู้เต็มไปด้วยอวัยวะมนุษย์ มีกำไลมือ กระเป๋าหิ้ว ปลอกมีด สนับแข้ง โคมไฟ เสื้อที่ทำจากหนังมนุษย์ เข็มขัดที่ประดับด้วยปลายถันของสตรีสี่ชิ้น นอกจากนี้ยังมีอวัยวะหลายส่วนที่ใช้ประดับบ้าน เช่น หัวคน ริมฝีปาก อวัยวะเพศของผู้หญิง หัวกะโหลกที่ติดไว้ข้างเตียงที่เคยเป็นของแม่ของเอ็ดเอง กับหนังร่างกายของผู้หญิงแบบเต็มตัวตั้งแต่ใบหน้าลงไป
ว่ากันว่า เมื่อถึงพระจันทร์เต็มดวง เอ็ดจะออกมาเต้นรำโดยใช้หน้ากากเป็นผู้หญิงใส่วิก และเสื้อกั๊กเต็มยศ ส่วนอวัยวะเพศถูกใส่ไว้ในกางเกงใน (นี่อาจเป็นที่มาของชื่อภาพยนตร์เรื่อง In the Light of the Moon)
ในที่สุด พวกเจ้าหน้าที่ก็พบศีรษะของนางวอร์เดน และไส้ของเธออยู่กระทะบนเตา แต่เอ็ดปฏิเสธว่าเขาไม่กินเนื้อคน แต่จากการสอบถามเพื่อนบ้าน หลายคนบอกว่าเคยได้รับเนื้อเป็นของขวัญ เขาบอกว่าเป็นเนื้อกวางที่ล่ามาได้ ทั้งๆ ที่เอ็ดเองบอกว่าไม่เคยเข้าป่าล่าสัตว์เลย ถึงตอนนี้เจ้าหนี้ที่ก็รู้แล้วว่ามันคือเนื้ออะไรจากการชันสูตรศพ และอวัยวะทั้งหมดภายในบ้าน พบว่าจำนวนศพที่อยู่ในบ้านมีทั้งหมดถึงสิบห้าศพด้วยกัน และชิ้นส่วนของมนุษย์ที่ไม่เข้ากับร่างใดอีกมากมายในบ้านเขา
ทสรุปของบุรุษวิปลาส ความตายอันนำไปสู่การเกิดใหม่
ถึง อย่างไรตำรวจสามารถตั้งข้อหาฆ่าคนตายให้แก่เอ็ดได้แค่สองกระทง นั่นคือนางมารี โฮแกน และนางเบอร์นิซ วอร์เดน ซึ่งทั้งสองมีหน้าตาคล้ายแม่ของเขา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสงสัยว่าเขาอาจเป็นคนหารพี่ชายของเขา คนงานสองคนที่ทำงานในฟาร์ม และเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวสองคน แต่เนื่องจากไม่พบหลักฐานใดที่สามารถมัดตัวเขาได้ เอ็ดจึงถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลบ้า ชื่อ เซ็นทรัล สเตท (Central State Hospital) หลังจากแพทย์วินิจฉัยพบว่าเขาเป็นคนผิดปกติทางจิตอย่างรุนแรง
ต่อมาถูกย้ายตัวไปรักษาตัวที่สถาบันวิจัย และดูแลผู้ป่วยทางจิตแมนโดด้า (Mendota State Hospital) ทั้งที่เขาก่อคดีฆาตกรรมที่โหดเหี้ยม และน่ากลัวอย่างที่ไม่มีใครทำมาก่อน ในบันทึกคำให้การของคนที่ดูแลเขาได้เขียนไว้ว่า เอ็ดเป็นคนเรียบร้อย สุภาพ ไม่ก้าวร้าวกับคนอื่น แต่เขามักพูดถึงความสุขที่เขาได้ฆ่าเหยื่อบ่อยๆ
เวลา ผ่านไป ๑๐ ปี ศาลได้ตำสินคดีของเขา ซึ่งผลคือ เอ็ดผิดจริง แต่ทำไปเพราะอาการป่วยทางจิตอย่างรุนแรงเพราะบ้า ดังนั้น เขาจึงถูกควบคุมตัวอยู่ที่เมนโดด้า จนวาระสุดท้ายของเขาในปี ค.ศ.๑๙๘๔ ด้วยโรคหัวใจ ในวัย ๗๗ ปี ในระหว่างที่เขาติดคุกบ้านสยองขวัญของเขาก็ถูกไฟไหม้
เหมือน ทุกอย่างจะจบ แต่ตำนานบทใหม่ที่ถูกเล่าขานกำลังเพิ่งเริ่มต้น ในปี ค.ศ.๑๙๖๐ นิตยสารไลฟ์และไทม์ลงข่าวเกี่ยวกับตัวเขา และบ้านสยองขวัญ เรื่องของเอ็ดกับโด่งดังไปทั่ว
กลายเป็นตำนานของวิสคอนซิล จนนักเขียน โรเบิร์ต บลอซ นำเรื่องราวของเขาไปเขียนเป็นนวนิยายในปี และนิยายดังกล่าวถูกนำไปสร้างเป็นหนังสยองขวัญต่างๆ มากมายที่กล่าวถึง และได้รับรางวัลมากมาย เพราะเนื้อเรื่องแปลกใหม่ และโด่งดังจนเป็นต้นแบบภาพยนตร์แนวนี้ต่อมาอีกนับไม่ถ้วน และเอ็ดเวิร์ด กีนก็กลายเป็นฆาตกรที่มีแฟนคลับมากที่สุดในโลก และมีร้านขายสินค้าแนวนี้อีกนับไม่ถ้วนในอเมริกา ดินแดนที่มีการก่ออาชญากรรมมากที่สุดในโลก แต่เอ็ดไม่รับรู้อะไรแล้ว ร่างกายของเขาสงบนิ่งในสุสาน เหลือไว้แต่ตำนานที่ถูกนำมาเล่าขานอย่างไม่รู้จบ
เปิดบันทึกสยอง Ed Gien ฆาตกรจิตวิปริต ของนายอำเภอ Arthur schley
๑๗ พฤศจิกายน ๑๙๕๗ นาย arthur schley นายอำเภอจากเมือง painfield กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการสืบหาการหายตัวไปอย่างลึกลับของนาง Bernic Worden วัย ๕๘ ปี เจ้าของร้านชำย่าน painfield จากการตรวจสอบภายในร้านของเธอพบใบเสร็จรับเงินตกอยู่ที่พื้นใกล้กองเลือดที่ ไหลเป็นทางยาวและเงิดสดบนโต๊ะที่หายไปจำนวนหนึ่ง จากหลักฐานนี่เองที่นำทางให้นายอำเภอ Schley พบกับประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืมเลือนตลอดชีวิต
จากการหายตัวไปอย่างลึกลับของนาง Bernic Worden ทำให้เย็นวันหนึ่งในปี ๑๙๕๗ นายอำเภอ Schley เดินทางมาที่ไร่แห่งหนึ่งในรัฐ Wisconsin ซึ่งอยู่ห่างไกลจากผู้คน นายอำเภอ Schley ยืนมองทุ่งแห่งนี้ด้วยความวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ในมือของเขามีเอกสารฉบับหนึ่งซึ่งมันคือเอกสิทธ์ในการเข้าตรวจค้นบ้านและไร่ แห่งนี้ซึ่งนาย Ed Gien อายุ ๕๑ ปีเป็นเจ้าของและยังตกเป็นผู้ต้องสงสัย
ในการหายตัวไปของนาง Worden ด้วยเพราะพฤติกรรมเยือกเย็นและไม่เคยสุงสิงกับใคร Gien จึงตกอยู่ในสถานะเช่นนี้
นายอำเภอ Schley เดินตรงไปยังบ้านที่มีสภาพเก่าและทรุดโทรมหน้าบ้านถูกตกแต่งด้วยเขาสัตว์และ เศษกระดูกที่ถูกห้อยเป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้าน นายอำเภอ Schley เดินสำรวจอยู่รอบบริเวณบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วย ซากรถยนต์ สิ่งของเหลือใช้และเสื้อผ้าของผู้หญิง ระหว่างที่เดินสำรวจเขาก็พบกับประตูบานหนึ่งซึ่งมันไม่ได้ถูกปิดล็อคไว้ มองจากทางด้านนอก เขาพอเดาได้ว่ามันน่าจะเป็นประตูห้องครัว นายอำเภอ Schley ตัดสินใจเดินตรงเข้าไปยังประตูนั้น ด้านในมืดสนิทแสงสว่างจากด้านนอกไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ เขาคว้ากระบอกไฟฉายที่ติดอยู่กับเข็มขัดข้างเอวส่องมองดูรอบๆ เขาก้าวเดินอย่างช้าๆด้วยความระมัดระวัง ในห้องครัวที่มืดมิด กลิ่นเหม็นเน่าสัมผัสกับจมูกของเขาอย่างจัง Schley พยายามมองหาต้นตอของกลิ่น จนพบกับถังขยะ ๑ ใบในมุมหนึ่งของห้องครัว ระหว่างที่เขาสำรวจถังขยะใบนั้น มือข้างหนึ่งของเขาก็เหวี่ยงไปกระทบกับวัตถุบางอย่างเขากลับหลังหันทันที แล้วสาดแสงไฟจากกระบอกไฟฉายไปยังสิ่งนั้น