แจ๊คส้นเท้าสปริงปริศนาคนหรือปีศาจ

👾แจ๊คส้นเท้าสปริง : ปริศนาคนหรือปีศาจ

   เรื่องราวในครั้งนี้ของเราเป็นตำนานที่เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษเมื่อนานมาแล้ว เชื่อกันว่าชายผู้นี้ก่อคดีลวนลามผู้หญิงหลายต่อหลายรายด้วยกัน เรียกได้ว่าสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนในยุคสมัยที่ประเทศอังกฤษยังไม่เจริญเท่ากับทุกวันนี้เป็นอย่างมาก จนผู้คนพากันขนานนามชายลึกลับผู้นี้ว่า ‘แจ๊คส้นเท้าสปริง’

การปรากฏตัวครั้งแรก
การปรากฏตัวครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นในช่วงปี 1836 ในกลางดึกที่เงียบสงบคืนหนึ่งขณะที่นักธุรกิจหนุ่มกำลังเดินทางกลับบ้านของเขาบนถนนที่แถบจะปราศจากผู้คน ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าเขาคือชายท่าทางประหลาดที่กำลังกระโดดไปมา ก่อนที่มันจะโดดข้ามหัวเขาไปอย่างน่าอัศจรรย์

เรื่องเล่าของนักธุรกิจหนุ่มกลายมาเป็นเรื่องโด่งดังสำหรับผู้คนที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกันกับเขา ทุกคนต่างพากันตั้งคำถามต่อสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเรื่องดังกล่าวมันเป็นจริงหรือเท็จมากขนาดไหน เพราะในยุคสมัยนั้นกรุงลอนดอนยังเป็นมหานครที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมและความรุนแรง จึงไม่น่าแปลกที่จะมีเรื่องราวพึลึกๆ เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามหลังจากการปรากฏตัวในครั้งนั้นของชายปริศนาผู้นี้ข่าวลือต่างๆ ของเขาก็เงียบหายไปเกือบปีก่อนที่เขาจะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในท่าทางที่น่ากลัวขึ้นกว่าเดิม

การปรากฏตัวอีกครั้งของชายส้นเท้าสปริง

ภาพชายส้นเท้าสปริงในจินตนาการ
ชายปริศนาผู้นี้ปรากฏตัวออกมาให้ผู้คนในระแวกลอนดอนได้ตกใจกันอีกครั้ง เมื่อเย็นวันหนึ่งในขณะที่พอลลี่ สาวเสิร์ฟจากโรงแรมชื่อดังกำลังออกไปเที่ยวกับคนรักของเธอ ในระหว่างที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังแยกทางกันเพื่อกลับที่พักของตน ทันใดนั้น พอลลี่ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเธอได้พบกับชายปริศนาผู้นี้เข้า มันพุ่งตรงมาที่เธอและจัดการฉีกกระชากเสื้อของเธอออกเป็นชิ้นๆ ก่อนที่พอลลี่จะร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อมันได้ยินเสียงกรีดร้องและเห็นคนพุ่งตรงมาช่วยเธอ มันก็ได้พ่นเปลวไฟสีฟ้าออกมาจากปากของมันและกระโดดหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจพากันขนานนามชายผู้นี้ว่า แจ๊คส้นเท้าสปริง (Spring-heeled Jack) และพากันออกตรวจตราในบริเวณนั้นอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเจอกับเขาแต่อย่างใด ทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องโด่งดังขึ้นมาภายในชั่วระยะเวลาไม่นาน

จากความโด่งดังของชายปริศนาผู้นี้ทำให้มีใครหลายๆ คนต่างก็พากันออกมายืนยันว่าพวกเขาได้เจอกับแจ๊คตัวเป็นๆ มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ เชฟฟิลด์ หรือ ลิเวอร์พูล ซึ่งเหยื่อของเขาส่วนมากก็จะเป็นผู้หญิงวัยรุ่นหน้าตาดีที่บังเอิญเดินอยู่ในที่มืดเสียส่วนใหญ่ จนผู้คนพากันกล่าวขวัญว่ามันน่าจะเป็นคดีข่มขืนเสียมากกว่า

ผู้ต้องสงสัย

เฮนรี่ผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับแจ๊ค
เรื่องราวของแจ๊คนั้นโด่งดังมากในหมู่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวประเทศอังกฤษมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากการปฏิวัติฝรั่งเศส การที่อเมริกาพึ่งประกาศเอกราช รวมทั้งลัทธิทุนนิยมที่เริ่มแพร่หลายขึ้น ทำให้ประเทศอังกฤษในเวลานั้นเรียกได้ว่าขวัญและกำลังใจแทบจะไม่มีเหลือเลยทีเดียว ถ้าหากถามว่าเพราะเหตุใดตำรวจถึงไม่ช่วยจัดการคดีนี้อย่างรวดเร็ว ทางเราก็บอกได้เพียงแค่ว่า ตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ด (Scotland Yard) พึ่งจะก่อตั้งขึ้นมาได้เพียงแค่ 9 ปี เท่านั้น

ทำให้ไม่มีศักยภาพพอที่จะไปจัดการตามรอยอะไรได้ทั้งนั้น สิ่งที่ทำได้เต็มที่ก็เพียงแค่ตั้งข้อสงสัยขึ้นมาว่าใครกันแน่ที่แต่งกายประหลาดๆ ออกมาไล่ล่าผู้คนในช่วงเวลานี้

ในที่สุดทางกรมตำรวจก็ได้ผู้ต้องสงสัยในคดีดังกล่าวมาในที่สุด โดยชายผู้นี้มีชื่อว่า เฮนรี่ เดอ ลา บัว เบรสฟอร์ด (Henry de La Poer Beresford) สมาชิกรุ่นเยาว์ของตระกูล Waterford ที่มีชื่อเสียง ว่ากันว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว เนื่องจากเฮนรี่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของครอบครัวมหาเศรษฐีและถูกเลี้ยงมาอย่างเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ นอกจากนี้ชายคนดังกล่าวยังมีนิสัยที่ชอบแกล้งคนเป็นพิเศษอีกด้วย ผลงานที่เด่นๆ ของเขาก็เช่น ปล่อยให้รถไฟสองขบวนพุ่งชนกัน พังบ้านของนักเลงที่มารังแกเขาจนย่อยยับ และการปล่อยให้หมาวิ่งไล่กัดบาทหลวงในโบสถ์ ฯลฯ

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเขาจะถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็น แจ๊คส้นเท้าสปริง นอกจากนี้ ในขณะที่แจ๊คกำลังออกไปป่วนเมือง เฮนรี่ก็มักจะเงียบหายไปเสียดื้อๆ สร้างความสงสัยให้กับผู้ที่รู้จักเขาเป็นอย่างดีว่าเขาหายไปไหนกันแน่

นอกจากนี้แล้ว ยังมีผู้ที่ตาดีสังเกตุเห็นว่าที่ผ้าคลุมของแจ๊คมีตัวอักษร W ที่อาจจะย่อมาจาก Waterford อยู่ แต่อย่างไรก็ตามเฮนรี่ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าเขาไม่มีส่วนร่วมใดๆ ทั้งสิ้น  คดีของแจ๊คสิ้นสุดลงในปี 1904 ในขณะที่เฮนรี่เสียชีวิตในปี 1859 เป็นอันว่าเขาหลุดจากข้อกล่าวหาในที่สุด

ปริศนาเรื่องแจ๊คส้นเท้าสปริงเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครหลายๆ คนต่างก็ให้ความสนใจผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานว่าสรุปแล้วชายผู้นี้เป็นใครกันแน่ แล้วเขามีจุดประสงค์อะไรในการโจมตีผู้คน เรื่องราวดังกล่าวจะยังคงเป็นปริศนาต่อไป และไม่แน่ว่าในอนาคตหากมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าหรือหลักฐานที่แน่นหนาพอ เราอาจจะได้เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของชายประหลาดผู้มากับความมืดรายนี้ได้สักที