วิจัยปริศนา! ตัดเส้นประสาทรับรู้ทั้งหมดเพื่อให้มองเห็น “สิ่งที่มองไม่เห็น”
การทดลองเหนือธรรมชาติที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่
ในปี 1983 นักวิทยาศาสตร์ในซีกโลกตะวันตกได้ติดต่อชายผู้หนึ่งให้เข้าร่วมการทดลองที่จะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล หากสมมติฐานที่ตั้งไว้นั้นเป็นความจริง การทดลองนี้ก็คือความพยายามในการติดต่อกับพระเจ้า โดยการทดลองครั้งนี้จะทำการทดลองด้วยวิธีการเค้นขีดจำกัดของมนุษย์เมื่อไม่สามารถจะได้ยิน มองเห็น สัมผัส รับกลิ่นหรือรสชาติใดๆ ตามสมมติฐานว่าการ
ที่จะรับรู้ถึงพระเจ้าได้นั้น มนุษย์จำเป็นที่จะต้องตัดสิ่งเร้าทั้งหมดออกไป
ผู้เข้าร่วมการทดลองนี้จะถูกมอบเงินก้อนใหญ่เพื่อทิ้งไว้ให้คนข้างหลัง ชายที่มาเข้าร่วมนั้นคือผู้ที่ประสบปัญหาทางด้านการเงินอย่างรุนแรง จึงยอมเสียสละมาเข้าร่วมโครงการด้วยความสมัครใจเพื่อหวังจะทิ้งเงินก้อนสุดท้ายให้ลูกที่กำลังเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ในขั้นตอนแรกตัวอย่างทดลองจะถูกผ่าตัดเพื่อทำการตัดเส้นประสาทในการรับรู้ทั้งหมด หลังจากนั้นเขาจะถูกเฝ้ามองจากนักวิทยาศาสตร์เพื่อจดบันทึกพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด
หลังจากที่ถูกตัดเส้นประสาททั้งหมด ชายผู้นี้ไม่ต่างอะไรกับขอนไม้ที่พูดได้ ในแต่ละวันเขานอนนิ่งขยับตัวเฉพาะตอนที่กินอาหารเท่านั้น แต่จู่ๆ ในวันที่ 4 ชายผู้นี้ก็แสดงความผิดปกติออกมาด้วยการพูดคุยกับบางสิ่ง ชายผู้นี้เรียกบางสิ่งที่เขาพูดด้วยว่า “ที่รัก” ซึ่งนั่นก็คือภรรยาที่เสียไปหลายปี ชายผู้นี้มีน้ำเสียงดีใจในขณะพูดคุยและบางครั้งก็ร้องไห้พร่ำขอโทษในสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไป การพูดคุยครั้งนี้กินเวลากว่า 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นเขาก็เงียบไปเป็นเวลาหลายวัน
หลังจากนั้นชายผู้นี้ก็เริ่มคุยกับสิ่งที่มองไม่เห็นอีกครั้ง จากบทสนทนาของเขาที่นักวิทยาศาสตร์ได้บันทึกไว้นั้นแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขากำลังคุยด้วยนั้น เขาไม่รู้จักกันมาก่อน เนื้อหาที่คุยกันนั้นเป็นเรื่องราวของสถานที่ที่เรียกว่านรก ชายผู้นี้ถามว่าในนรกนั้นเป็นอย่างไรเหมือนกับในไบเบิลหรือไม่ ซึ่งหลังจากที่ชายผู้นี้ได้ถ่ายทอดให้กับนักวิทยาศาสตร์ก็ตรงกับเรื่องราวในไบเบิล
หลังจาก 6 ชั่วโมงของการอาละวาด อาการของชายผู้นี้ก็สงบลงไม่มีการอาละวาด เขานั่งนิ่งๆ ไม่เปล่งเสียงอะไรออกมา แต่จู่ๆ เขาก็หันหน้ามองไปที่นักวิทยาศาสตร์ ราวกับมองเห็นว่าอยู่ตรงไหน พร้อมกับเปล่งเสียงออกมาว่า
“ผมได้พูดคุยกับพระเจ้า และท่านได้ทอดทิ้งพวกเรา”
😁หลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที ชีพจรของชายผู้นี้ก็ได้หยุดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้นั้นถูกถกเถียงกันว่ามันคือเรื่องจริงหรือไม่ เพราะนอกจากบันทึกการทดลอง ภาพถ่ายบางส่วนและวิดีโอที่อ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองถูกเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตก็ไม่พบหลักฐานใดๆ ที่ยืนยันการทดลองนี้ ซึ่งก็ยังคงเป็นความลับอยู่จนถึงปัจจุบัน
👉🏾มีคลิปประกอบบทความให้ชมด้วยนะครับผมได้ตัดต่อเอาไว้แล้ว